Tuesday, October 14, 2025

ตามไปงานรับปริญญาหลานที่ Bristol


สวัสดีค่ะวันนี้เรายังอยู่กันที่เมือง Bristolค่ะ



อย่างที่บอกไว้ว่าครั้งนี้มา เพราะจะไปร่วมงานรับปริญญาของหลานชายค่ะ


แต่ก่อนจะไปร่วมงานในช่วงบ่าย ช่วงเช้าเราก็เลยใช้เวลา enjoy เมืองกันเล็กน้อยนะคะ เราเริ่มต้นวัน ด้วยการไปกินอาหารเช้าค่ะ 
ร้านที่เราไปชื่อ Sandiago's  เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ ที่อยู่กับใกล้สถานีรถบัส 


นอกจากเซ็ตอาหารเช้า แล้วยังมีขนมด้วย ส่วนเมนูอื่นๆ จะเริ่มขายช่วงเที่ยงเป็นต้นไป 

หันไปทางไหนก็มีแต่เมนู ลายตามากค่ะ แต่วันนี้ยังไงก็ต้องเป็น Full english breakfast ค่ะ


โดยร้านแบบนี้ คนอังกฤษจะเรียกว่า  greasy spoon cafe นะคะ  เป็นร้านที่มีอยู่แทบทุกมุมเมืองในอังกฤษชื่อแปลตรงตัวว่า ‘ช้อนมัน ’ 

ฟังดูตลกหน่อยแต่จริง  ความหมายไม่ได้ เป็นไปในทางลบนะ


มันคือการเรียกร้านอาหารเช้าแบบบ้าน  ของคนอังกฤษ ที่เสิร์ฟอาหารเช้าในราคาย่อมเยา บรรยากาศเป็นกันเอง

เป็นที่ที่คนทำงานแถวนี้จะมานั่งกิน กาแฟร้อน  คุยกันตอนเช้า


แม้ชื่อจะฟังดูแปลก แต่มันสื่อถึง ความเรียบง่าย และอบอุ่น บางคนยังพูดว่า “You can’t beat a good greasy spoon breakfast.”แปลว่า “ไม่มีอะไรสู้มื้อเช้าที่ greasy spoon ดี  ได้เลย” 




จานนี้คือ Full English Breakfast หรือ ‘fry-up’ ที่รวมของดีไว้ครบ

มีไข่ดาว เบคอน ไส้กรอก เบกบีน  ฮัสบราวและขนมปังปิ้ง

อาหารเช้าแบบนี้ อยู่คู่คนอังกฤษมาหลายร้อยปีแล้ว ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ตอนพวกชนชั้นสูงอยากโชว์ความมั่งคั่ง ด้วยการจัดโต๊ะอาหารเช้าหนัก  แบบนี้ให้แขกที่มาบ้าน!

แต่สมัยนี้กลายเป็นอาหารที่หาทานได้ทั่วไป  โปรตีนและไขมันแบบจุกๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้ค่ะ ! 



หลังจากอื่มแล้วก็ว่าง 555 เพราะเราไม่ได้มีเวลามากนัก ก็เลยคิดว่า จะลองไปแวะที่ St Nicholas Market ดูค่ะ

St Nicholas Market  เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Bristol ตลาดนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี .. 1743 มีประวัติยาวนานกว่า 280 ปี โดยโครงสร้างอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียและกอธิค



ในตลาดจะมีอาหารท้องถิ่น ขนมหวาน เครื่องดื่ม ของที่ระลึก เสื้อผ้า ศิลปะ และพวกงานทำมือขาย ทำให้เป็นตลาดที่น่ามาแวะเดินเล่นและซื้อของมากๆ 


นอกจากเป็นตลาดที่น่าแวะมาซื้อของแล้ว ที่นี่ยังมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในงานเทศกาลต่างๆ รวมถึงมี งานแสดงดนตรี อีกด้วย


แต่เรามาถึงเช้าไปหน่อยค่ะ ร้านยังไม่เปิดเลย ปกติที่นี่จะคึกคักมากตอนเที่ยง ๆบางร้านมีของวางขายแต่ยังไม่มีคนขาย 

เราก็เลยเดินดูพวกงาน handmade และของที่ระลึก ที่เขาโชว์อยู่แทน


ถึงจะมาเช้าไปก็ยังได้ กระเป๋าผ้าน่ารักๆ ติดมือกลับบ้านนะ 




เมืองBristol เคยเป็นท่าเรือสำคัญของอังกฤษมานานกว่าพันปี เลยเป็นเมองที่มี สถาปัตยกรรมสวยๆ ให้ชมทั่วไปเลย



สิ่งที่เห็นบ่อยที่สุดในเมืองนี้ อีกอย่างก็คือนกนางนวลค่ะนกนางนวลที่นี่ไม่กลัวคนเลย

บางตัวบินมาใกล้จนเราต้องเป็นฝ่ายหนีนกนางนวลสายพันธุ์ Herring ของที่นี่

อายุยืนถึง 30 ปี และฉลาดมากถึงขั้นว่ามันจำหน้าคนที่เคยไล่มันได้ด้วย!



เราจะเห็นป้ายให้ระวังนกนางนวลขโมยอาหารในเกือบทุกร้าน

คนท้องถิ่นถึงขั้นแซวกันว่า คุณยังไม่เป็นเจ้าของมันฝรั่งทอดของคุณ

จนกว่าจะหนีนกนางนวลพ้น!’ แต่เพราะมีเยอะและฉลาดขนาดนี้  พวกมันก็เป็นเหมือนมาสคอตประจำเมืองไปแล้วค่ะ



นอกจากเมือง Bristol จะสวยคลาสสิกแล้ว



ที่นี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองสีเขียว” ของยุโรปเพราะมีพื้นที่ธรรมชาติและสวนสาธารณะเยอะมาก

จนได้รับรางวัล European Green Capital ปี 2015 ด้วย




ที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินชมเมืองคือศิลปะค่ะ เมืองนี้คือบ้านเกิดของ Banksyศิลปินกราฟฟิตี้ระดับโลกที่ผลงานของเขาอยู่ทั่วเมือง เขาเป็นศิลปินนิรนามที่ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงแต่ผลงานกลับดังไปทั่วโลก




Banksy เริ่มต้นจากถนนใน Bristol นี่แหละ จนกลายเป็นศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก

ผลงานแต่ละชิ้นมีทั้งอารมณ์ขัน เสียดสี และสะท้อนสังคมอย่างเฉียบคม

เพราะทุกๆ ที่เต็มไปด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์ จนมีคนเรียก Bristol ว่าเป็นเมืองที่ “กำแพงมีชีวิต



ยังมีอีกหลายงานใน Bristol ที่เกี่ยวกับศิลปะที่น่าสนใจ เช่นการตั้ง ผลงานศิลปะ เพื่อให้ผู้สนใจได้ประมูลเพื่อกิจกรรมการกุศลต่างๆ



สำหรับงานรับปริญญาของหลานชายเรา จัดที่ Bristol Beacon

ปกติที่นี่จะใช้จัดงานแสดงดนตรีแต่ในช่วงรับปริญญา จะถูกแปลงโฉมเป็นสถานที่เฉลิมฉลองของเหล่าบัณฑิตทั้งหลายค่ะ



บรรยากาศภายในงานครึกครื้นมากนะคะ โดยงานรับปริญญาแบบนี้จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าก็ได้ค่ะ  



ภายในงานมีของที่ระลึกน่ารักๆ เยอะแยะไปหมดเลย 



สำหรับการเข้าร่วมพิธี นักศึกษาจะเชิญผู้ร่วมงานได้ไม่เกิน 4 คน โดยก่อนเข้าไป จะมีการแจก wistband แทนการใช้บัตร 

เพื่อใช้ในการผ่านเข้าหอประชุม  และมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานด้วย




พิธีจะใช้เวลาราว  ชั่วโมงครึ่ง



โดยนักศึกษาจะเดินขึ้นไปโชว์ตัวบนเวที เพื่อให้เหล่าอาจารย์แสดงความยินดีด้วย แต่จะไม่ได้มีการแจกประกาศนียบัตรบนเวทีนะคะ 

เสียงปรบมือ เสียงเชียร์จากเพื่อนๆ และครอบครัว 

ไม่ได้มีพิธีรีตองมากนัก แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความภูมิใจและเสียงหัวเราะตลอดงาน 💐




ในส่วนของงานที่ประทับใจที่สุดคือการที่เหล่าอาจารย์ จะออกไปยืนรอส่งบัณฑิต ด้วยนอกของห้องประชุม เป็นเหมือนการส่งแรงใจครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะต้องออกไปเดินทางด้วยตัวเอง 


เป็นงานที่เหล่าบัณฑิตทั้งหลายเป็นตัวเอกจริงๆค่ะ 



หลังจากจบงานที่อิ่มใจมากๆ แล้ว เราก็ออกไปหาของว่างนิดหน่อยค่ะ เพราะอิ่มใจแต่กายหิวมาก อาหารเช้าที่จัดเต็มมาถูกย่อยไปหมดแล้ว แวะซื้อ Coffee mousse ของ Sainsbury's มากิน อร่อยอะ พวกของกิน series ที่ติด Taste the difference ส่วนใหญ่จะอร่อยนะ ถึงราคาจะสูงกว่า Series ปรกตินิดหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่ะ ^^ 



เย็นนี้เรากินเลี้ยงกันที่ ร้านอาหารญี่ปุ่น ตามคำขอของคุณหลานค่ะ



ร้านชื่อ Kibou  ภายในตกแต่งได้สวยและ บรรยากาศดีมาก

เป็นร้านเชนเหมือนกันนะ มีหลายสาขาเลย โดยแต่ล่ะสาขาก็ตกแต่งสวยงามคนล่ะแบบไป 



อาหารรสชาติดี แต่อาจจะเพราะวันที่เราไปคนเยอะ บริการของทางร้านเลยไม่ประทับใจเท่าที่ควร ^^"



แต่เราคิดว่าราคาค่อนข้างสูง เมือเทียบกับเมืองไทย (และสูงกว่าร้านอาหารเวียดนามที่เราไปทานวันก่อน)


จบวันด้วยความอิ่มอร่อย เราแอบคิดว่าชื่อร้าน "Kibou" ที่แปลว่า ‘ความหวัง’ เหมาะมาก สำหรับวันนี้นะ เพราะหวังว่า หลานเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตตามทางที่เขาตั้งใจไว้ค่ะ 

จบภารกิจที่ Bristol แลเว เจอกันครั้งหน้า เราจะไปแมนเชสเตอร์ด้วยกันค่ะ 


No comments:

Post a Comment

Printfriendly