Tuesday, April 27, 2010

April 2010 Daring Bakers Challenge #39: Steamed Pudding, Spotted Dick


เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินนะคะ ถึงเวลาของ Daring Bakers' challenge อีกแล้วค่ะ รู้ลึกว่าปุ๊กเอง เป็นสมาชิกของ Daring Bakers มานานแล้วเหมือนกันนะคะเนี่ยะ ยังจำได้เลยค่ะ ตอนแรกๆที่ได้รับจดหมาย ว่า ได้เป็นสมาชิกของ  "Daring bakers"แล้วเนี่ยะ สุดจะตื่นเต้นเลยค่ะ 

ตอนนั้น ได้ติดตาม กลุ่ม ดาร์ลิ่งเบคเกอร์มานานพอควรเลยค่ะ แล้วก็ชอบดูพวกขนมที่เขาทำกันค่ะ คิดอยู่ตลอดว่า อยากจะเป็น ส่วนหนึ่งของเขาจังเลยค่ะ จนกระทั่งตอนปี 2007 ช่วงเดือนตุลาคม ที่เริ่มทำบล็อก ขอเลยมีโอกาสได้เขียนจดหมายไปสมัครเป็น สมาชิกเขาตอนนั้นล่ะค่ะ 
ตลอดมาก็พยายามที่จะไม่สกิปเลยนะคะ (ที่ผ่านมา สกิปไปประมาณ 3 ครั้งได้มั้งค่ะ) แม้บางครั้งไม่สบายยังพยายามกลั้นใจลุกขึ้นมาทำเลยค่ะ 555
คราวนี้ก็เหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ พออ่าน challenge รอบนี้ (ยาว 6 หน้า) เลยเกิดอาการงง ไม่เข้าใจอะไรเลย 555 อ่านจบยังงงว่า เขาอยากจะให้ทำอะไร  -* - 
แต่ก็นะคะ พอเมื่อ 2 วันก่อนเริ่มดีขึ้น ก็เลยอ่านอีกรอบค่ะ ถึงได้รู้ว่า คราวนี้ ง่ายๆๆๆๆ แล้วก็น่าสนใจดีค่ะ   

 สิ่งที่เขาต้องการให้ทำใน challenge  ก็คือนะคะ 
1) ทำพุดดิ้งโดยใช้  suet หรือ ของที่อนุญาติให้ใช้แทน  
2) ทำให้สุกโดยวิธีการนึ่ง หรือ ว่าใช้วิธีการต้มโดยผูกผ้าหุ้มกับพิมพ์ พุดดิ้งค่ะ 

ดังนั้น เห็นได้ว่า ข้อกำหนดของเขาไม่ยากเลยค่ะ ^ ^ สำหรับพุดดิ้ง ปุ๊กเลือกที่จะทำพุดดิ้ง แบบ  traditional English pudding ที่มีชื่อเรียกว่า "Spotted Dick"ค่ะ โดยเป็น พุดดิ้งนึ่ง ที่มีส่วนประกอบของ   current และ ผิวส้มเชื่อม แต่ เพราะปุ๊ก หาsuet ไม่ได้ ก็เลยใช้ เจ้าเนยขาว Crisco แทนค่ะ ส่วนตรงที่ต้องนึ่ง ก็ง่ายค่ะ เพราะว่า บ้านพวกเราส่วนใหญ่ก็มีลังถึงใช่ไหมคะ ปุ๊กก็ใช้เจ้านี่ล่ะค่ะ ในการนึ่งขนม สุดท้ายแล้ว ปุ๊กก็สามารถทำ challenge รอบนี้ ได้สำเร็จตามความต้องการของปุ๊กแล้วค่ะ 555 
ปุ๊กไม่แน่ใจนะคะ ว่า ตามที่สูตรเขากำหนดมา จะให้ใช้ breadcrumb แบบไหน แต่ เท่าที่ลองทำ พบว่า ใช้ แบบสดจะดีกว่าค่ะ เพราะรสชาติจะดีกว่า แล้วก็ขนมจะนุ่มชุ่มชื่นมากกว่าค่ะ 
ปุ๊กเสิร์ฟเจ้าพุดดิ้งของปุ๊ก อุ่นๆ พร้อมกับซ้อสวานิลลาค่ะ แล้ว ปุ๊กคิดว่า รอบนี้ เป็นยังไงเหรอ อืม บอกได้เลยค่ะ ว่า อร่อยดีค่ะ !

The April 2010 Daring Bakers’ challenge was hosted by Esther of The Lilac Kitchen. She challenged everyone to make a traditional British pudding using, if possible, a very traditional British ingredient: suet.



Steamed Pudding, Spotted Dick
Makes 1 litre/ 2pint pudding 


Type 2 puddings – Steamed Suet Pudding, sponge type.
(100 grams/4 ounces) แป้งอเนกประสงค์
(1/4 teaspoon) เกลือ
(1.5 teaspoons) ผงฟู
(100 grams/4 ounces) ขนมปังบ่น (dailydelicious note: ใช้ขนมปังเอาไปปั่น ให้ละเอียด)
(75 grams/3 ounces) น้ำตาลทราย
(75g/3oz) currants, หรือ ลูกเกด 
(25g/1 oz) ผิวส้มเชื่อม
(75 grams/ 3 ounces) Suet หรือ (หรือ Vegetable Suet, Crisco, Lard)
(1) ไข่
(6 to 8 tablespoons) นมเย็น
Vanilla sauce สำหรับเสิร์ฟ





1. ร่อนแป้ง เกลือ และผงฟูเข้าด้วยกัน ในชาม 
2. ใส่ ขนมปังป่น เคอเร็นน์ ผิวส้มเชื่อม น้ำตาล และ suet.
3. ผสมให้เข้ากัน ด้วยไข่ และนม 




4. ใส่ลงในพิมพ์พุดดิ้งขนาด 1 litre/ 2pint ที่ทาเนยไว้ให้ทั่ว (ปุ๊กใช้พิมพ์เล็กค่ะ) แล้ว ปิดด้วย กระดาษไข และ อลูมิเนียมฟรอย แล้วมัดให้แน่น 



5. นำไปนึ่ง 2ชั่วโมงครึ่ง ถึง 3 ชั่วโมง (สำหรับอันเล็ก จะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งค่ะ) 


6. วางลงในจาน แล้วเสิร์ฟพร้อม custard, caramel หรือ ซ้อสผลไม้ที่ปรุงรสหวาน 


April 2010 Daring Bakers Challenge #39: 
Steamed Pudding, Spotted Dick

Sunday, April 25, 2010

Homey Cake for Everyone: Caramel Apple Cake


ใครๆ ก็คงชอบกลิ่นหอมๆ ของเค้กตอนอบอยู่ในเตานะคะ เวลาได้กลิ่นแล้ว บางคนก็ปิดตาแล้วก็แอบจินตนาการด้วยสิ ว่าไอ้เค้กหอมๆก้อนเนี่ยะ มันจะรสชาติอร่อยแค่ไหนหนอ และ เจ้ากลิ่นหอมๆ ยังช่วยให่เรานึกถึงช่วงเวลาดีๆได้ด้วยนะคะ 

ปุ๊กเองก็เป็นค่ะ เวลาที่อบเค้กเนี่ยะ จะชอบสูดกลิ่นหอมๆเข้าไปให้เต็มปอด เพราะรู้สึกว่า เมื่อได้กลิ่นพวกนี้ จะรู้สึก สงบแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายมากๆเลยค่ะ ดังนั้น ก็เลยกลายเป็น ความสุขอย่างหนึ่งเมื่อทำขนมอบที่บ้านนี่ล่ะค่ะ   ^ ^.
กลิ่นที่ปุ๊กชอบที่สุด ก็คือ กลิ่นของแอ๊ปเปิลแล้วก็ชินนามอนนี่ล่ะค่ะ มันเป็น กลิ่นที่หอมหวาน แล้วทำให้รู้สึกดีที่สุด ในโลกเลยล่ะค่ะ (อิอิ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ พอดีเรื่องนี้ เป็น เรื่องส่วนบุคลลจริงๆเลยค่ะ) เค้กสูตรนี้ทำง่ายๆค่ะ แล้วก็อร่อยด้วยนะคะ โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ชอบทานคาราเมลจะต้องถูกใจมากๆค่ะ (เพราะขนาดพี่สาวปุ๊ก ที่ธรรมดา จะไม่ชอบเจ้า ชินนามอนเลยนะคะ พอมาทานเค้ก สูตรนี้ เธอยังไม่บ่นเลย ใช้ได้ไหมล่ะ) 

สูตรต้นฉบับ ใช้ soft toffee แทนที่จะใช้ caramel sauceค่ะ ซึ่งถ้าใคร จะใช้ ก็ใช้ soft toffee (แนะนำยี่ห้อ Werther's chewy toffee ค่ะ) ประมาณ 50g พร้อมกับ วิปปิ้งครีม (2 tbsp) นำไปละลายในหม้อใบเล็กค่ะ แล้วก็นำมาใช้ แทน คาราเมลซ้อส ซึ่งวิธีนี้ ก็ดีสำหรับคนที่ไม่อยากจะเล่นกับของร้อน หรือ ว่าขี้เกียจที่จะทำคาราเมลซ้อสค่ะ และวิธีนี้ ก็ปลอดภัยกว่าด้วยนะคะ  ^ ^

เค้กแอ๊ปเปิลสูตรนี้ จะเอาไว้เสิร์ฟเป็นของว่างตอนบ่าย หรือ จะเอาไว้เป็น อาหารเช้าเพื่อตอนเช้าอันสดใส ก็ได้เลยค่ะ แต่ล่ะคำ ก็เต็มไปด้วยเค้กนุ่มๆ และแอ๊ปเปิลนิ่มๆ แล้วยังเพิ่มความอร่อยไปอีกขั้นด้วย คาราเมลและพีแคนค่ะ สำหรับสูตรนี้ ปุ๊กชอบทานแบบอุ่นๆ พร้อมกับชาสักแก้วค่ะ ลองจินตนาการตามปุ๊กนะคะ เค้กหวานหอม ที่มีความขมนิดๆของถัวพีแคน และคาราเมล อืม....เป็นไงคะ เข้ากันดีใช่ไหมล่ะ ดังนั้น เค้กแบบนี้ คงทำให้เพื่อนๆทุกคนได้รู้สึกดีกับวันดีๆ อย่างง่ายๆค่ะ   

Adaptation from: BBC GoodFood, Issue Februry 2010 



Caramel Apple Cake
Make 1 (20x20cm) cake


175g ................................. เนยจืด, นิ่ม
150g ................................. น้ำตาลทราย สีรำ
1 tsp ................................. Vanilla extract
2 ....................................... ไข่
¼tsp ................................ ผงฟู
¼tsp ................................ เกลือ
½tsp ................................ Cinnamon
225g ................................. แป้งอเนกประสงค์
4tbsp ................................ โยเกิร์ต
2 ........................................ เอ๊ปเปิ้ล, ปอกเปลือก แล้วหั่นเป็น ชิ้น สี่เหลี่ยมเล็ก
70g .................................... พีแคน, อบ
............................................ Caramel sauce 

เปิดเตาอบไว้ที่ 160°C
วางกระดาษรองอบลงบนพิมพ์ 
ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ และชินนามอนเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้ 


ตีเนยและน้ำตาล และวานิลลาให้เข้ากันจนสีอ่อนลง แล้วใส่ไข่ลงไปทีล่ะฟอง ตีให้เข้ากัน


ใส่ครึ่งหนึ่งของแป้งลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วตามด้วย โยเกิร์ต 
ใส่แป้งทั้งหมด และแอ๊ปเปิลลงไป แล้วตะล่อมให้เข้ากัน 


เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วเกลี่ยให้เรียบ
นำเข้าอบ ประมาณ 45-50 นาที หรือจนเมื่อใช้ไม่แทงลงไป แล้วไม่มีเศษเค้ก ติดออกมา 
ละลายคาราเมลซ้อสให้เหลว แล้วราดลงบนเค้ก แล้วโรยพีแคนลงไป แล้วราดด้วยซ้อสอีกรอบ
พักไว้ให้เย็น


Homey Cake for Everyone: Caramel Apple Cake

Wednesday, April 21, 2010

Chicken Farm Baker's Project 21 : Cool & Freshly with A la mode Dessert, Green tea ice cream with white chocolate red bean cake and red bean ganache


ช่วงนี้ อากาศร้อนมากๆเลยนะคะ ดังนั้น ในช่วงเวลาที่อากาศเป็นแบบนี้ คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า การได้ทานไอศครีมแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ เดือนนี้ น้องบอลเป็น โฮสค่ะ เธออยากให้ พวกเรา ทำไอศครีม แล้วก็จัดเสิร์ฟ พร้อมกับอะไรก็ตามที่เราคิดว่า ทานด้วยแล้ว อร่อยๆๆๆค่ะ 

ปุ๊กเองชอบทำไอศครีมอยู่แล้วค่ะ เพราะว่า ทุกคนในบ้านชอบทานกันค่ะ ก็เลยเป็น ของที่ได้ทำบ่อยๆ 
แต่ว่าส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้ทำ อะไรมาทานด้วยหรอกนะคะ มักจะเสิร์ฟ แบบง่ายๆ ก็ทำเสร็จ แล้วก็ตักใส่ด้วยแบบนั้นล่ะค่ะ (เอาง่ายเข้าว่า อิอิ) แต่คราวนี้ก็ดีค่ะ ที่จะได้ทำอะไรที่ต่างออกไปจากเดิมบ้างนะคะ 
ส่วนรสชาติที่จะใช้ ก็เลือกไม่ยากค่ะ เพราะว่า เมือเดือนที่ผ่านมา ปุ๊กเพิ่งได้ ชาเขียวมาจากเพื่อนค่ะ ก็เลยเกิดอาการอยากลองใช้มากๆๆๆค่ะ^ ^ เพราะว่า เพื่อนเขาบอกว่า เป็นชาที่รสชาติดีมาก (แล้วก็แพงมากอีกต่างหาก 555) เพราะว่า ซื้อจาก ร้านที่ขายชาโดยเฉพาะเลยค่ะ ก็เลยต้องลองซะหน่อย ว่าจะดี สมกับราคาหรือไม่ (แต่เท่าที่ผ่านๆมา ต้องยอมรับนะคะ ว่า สำหรับชาเนี่ยะ ราคาเป็น ตัวแยกเกรดของชาได้อย่างนึงค่ะ แต่ปุ๊กก็ต้องขอบอกอีกอย่างว่า ในเรื่องของรสชาติมันเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลค่ะ ดังนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบของเราค่ะ ^  ^).

แต่คราวนี้ ต้องยอมรับเลยค่ะว่า ชาเขียวตัวนี้ รสชาติดีมากเลยค่ะ คือ รสชาติละมุน (555 ประมาณนั้นอะนะคะ บอกไม่ถูก) รสขมก็มีแบบพอดีๆ ไม่เฝือนค่ะ (คือ ยังไงมันก็ต้องขมเนาะ แต่ มัน จะไม่มีกลิ่นแปลกๆค่ะ) แล้วก็กลิ่มหอมดีทีเดียวค่ะ 
ดังนั้น เมื่อเราได้ ไอศครีมอร่อยๆแล้ว เราจะเอาไปทานกับอะไรดีล่ะค่ะ อิอิ คำตอบก็อยู่ในประเทศญี่ปุ่นค่ะ เพราะว่า โดยทั่วไป มักจะเสิร์ฟชาเขียวกับขนมที่ทำจากถั่วแดงใช่ไหมล่ะค่ะ คราวนี้ ปุ๊กก็เลย เอาทั้งชาเขียวมาทานคู่กับ ถั่วแดงหวาน แต่แค่นั้นคงไม่พอค่ะ ปุ๊กก็เลยเอา ทั้งดาร์กช็อกโกแลต และไวท์ช็อกโกแลตมาแจมด้วยค่ะ

โดยสิ่งที่นำมาทานด้วยก็คือ เค้ก ไวท์ช็อกโกแลตถั่วแดง ซึ่งมาพร้อมกับ กานาชถั่วแดงค่ะ ซึ่งรสชาติที่เราได้รับก็คือ รสชาติที่เป็น ธรรมชาติ กับความหวาน ของทั้งชาเขียว และถั่วแดง แล้วยังได้ ความหอมของไวท์ช็อกโกแลต และความขมแบบอร่อยๆของดาร์กช็อกโกแลตด้วยค่ะ  
ปุ๊กว่า ผลออกมาดี นะคะ ^ ^ ความลงตัวของรสชาติ เรียกได้ว่า ใช้ได้เลยค่ะ (555 ทำเองชมเอง อิอิ) เพราะเมื่อไอศครีมวางลงบนเค้ก ก็จะได้ทาน ทั้งไอศครีมนิ่มๆ แล้วก็เค้กนุ่มๆ (รสชาติดี แล้วยังได้เนื้อสัมผัสที่ดีด้วยค่ะ) เมื่อทานควบคู่ไปกับกานาชถั่วแดง ก็จะได้รสขมนิดๆ ที่ตัดรสชาติหวาน ของทั้งเค้ก และ ไอศครีมลงด้วยค่ะ 

ขอบ่นหน่อยค่ะ 555 ปุ๊กนะทำขนมชิ้นนี้ ตั้งแต่ได้รับโจทย์แล้วค่ะ แต่คราวนี้โพสเลทมากๆๆๆๆๆ เพราะว่า เจ้าโน้ตบุคของปุ๊กอะ ดันติดไวรัสนะสิค่ะ ปุ๊กนะ ไม่เคยเจอปัญหานี้เลยค่ะ เรียกว่า พอเปิดขึ้นมาก ก็เปิดไม่ได้ ไม่มีโปรแกรมอะไรเหลืออยู่เลยค่ะ ยังหวันไจอยู่ว่า พวกข้อมูลกับรูปภาพอยู่หรือเปล่า -*- แล้วก็ต้องยอมรับเลยว่า ปุ๊กอะติดคอมมากๆเลยค่ะ ใครเป็นบ้างยกมือขึ้น 555
แต่คราวนี้โชคดีนะคะ ว่าพวกรูปทั้งหลาย (และงาน อิอิ) ไม่ได้หายไปค่ะ เพราะว่า ถ้าเป็น อย่างงั้นนะ คราวนี้ ชัวร์เลยค่ะ ว่าปุ๊กคงอดเอาขนมชิ้นนี้ มาส่งการบ้านฟาร์มแน่นอนค่ะ 555



 Green tea ice cream with white chocolate red bean cake 
and red bean ganache


Green tea Ice cream

250ml ............................ นมไม่พร่องมันเนย
120g ............................... น้ำตาล
......................................... เกลือ
500 ml ........................... วิปปิ้งครีม
4 teaspoons ................... matcha (ชาเขียวผง)
6 ...................................... ไข่แดง

White chocolate red bean cake

100g ............................... แป้งเค้ก
½tsp .............................. ผงฟู
50g ................................. เนยจืด
120g ............................... ไวท์ช็อกโกแลต, สับ
70g ................................. น้ำตาลทราย
250g .............................. ถั่วแดงต้มหวาน 
2 ..................................... ไข่

Chocolate red bean ganache

50g ................................ ดาร์กช็อกโกแลต, สับ
95g ................................ วิปปิ้งครีม
70g ................................ ถั่วแดงกวนละเอียด

For serving 
........................................ ถั่วแดงต้มหวาน

Make the green tea ice cream:



อุ่นนมในไมโครเวฟ ประมาณ 1½ นาที แล้วใส่ น้ำตาล เกลือ และ ชาเขียวลงคนให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมลงในเครื่องปั่น ใส่ไข่แดงลงไป แล้วเปิดเครื่อง ปั่น ประมาณ 2 นาที จนเนียนข้น 



ใส่ส่วนผสมลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง คนไปเรื่อยๆ จนข้นขึ้น จนส่วนผสมคลุมช้อนหรือ พายได้  (อุณหภูมิ ประมาณ 85°C).  



เทส่วนผสมผ่านกระชอน แล้ว เทวิปปิ้งครีมลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพักให้เย็็นบนถาดน้ำแข็ง 



แช่ส่วนผสมไว้ในตู้เย็น จนเย็นจัด แล้วนำมาเทลงในเครื่องทำไอศครีม ทำตามทำแนะนำของเครื่อง 

Make the white chocolate red bean cake:

เปิดเตาที่ 170°C  ปูกระดาษรองอบ บนพิมพ์ขนาด 20x20 cm 
ร่อน แป้ง 80g รวมกับผงฟู 


ละลายช็อกโกแลตกับเนย บนชามน้ำร้อน โดยไม่ใช้ก้อนชามโดยน้ำ 
ผสมแป้ง 20g กลับถั่วแดงหวาน ให้ถั่วแยกเป็น เม็ดๆ 


ตีไข่จนเริ่มเข้ากันและสีอ่อนลง ค่อยๆใส่น้ำตาลลงไป แล้วตีไปเรื่อยๆ จนฟูขาว 


เทช็อกโกแลตละลายลงไป แล้วตะล่อมให้เข้ากัน 
ใส่แป้งลงไป แล้วตะล่อมให้พอเข้ากัน แล้วใส่ถั่วลงไป แล้วจึงตะล่อมให้เข้ากันดี 
ใส่ส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ 
นำเข้าอบประมาณ 30-35 นาที (เมื่ออบไป 25นาที ให้คลุมเค้ก ด้วย ฟรอยเพื่อป้องกันหน้าสีเข้มเกิน) 

Make the chocolate red bean ganache:


ใส่วิปปิ้งครีมลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟ จนเดือด
นำลงจากเตา แล้วเทลงในช็อกโกแลต พักไว้ 1 นาที แล้วคนให้เข้ากัน 
ใส่ถั่วแดงกวนลงในกานาช แล้วคนให้เข้ากัน

To serve:

ตัดเค้กเป็นชิ้น แล้ววางไอศครีมลงด้านบน ราดด้วย กานาชถั่วแดง แล้วโรยด้วย ถั่วแดงหวาน



Chicken Farm Baker's Project 21 :
 Cool & Freshly with A la mode Dessert, 
Green tea ice cream with white chocolate red bean cake and red bean ganache

Sweeten red bean

ถั่วแดงหวาน เป็น ส่วน ประกอบส่วนหนึ่งของการทำขนมญี่ปุ่นค่ะ เอาไว้ใช้เป็น ใส้ หรือ ว่าจะนำมาทานเล่น หรือ เอามาทานพร้อมกับไอศครีมชาเขียวก็ได้ค่ะ

Sweeten red bean
Make about 500 g


200 g
ถั่วแดง (azuki bean, หรือ ถั่วแดงเม็ดเล็ก)
150 g
น้ำตาลทราย

เกลือเล็กน้อย



ล้างถั่วแดง แล้วแช่น้ำไว้ข้ามคืน เมื่อได้ที่แล้ว เทน้ำทิ้ง 



ใส่ถั่วลงในหม้อ ใส่น้ำ นำขึ้นตั้งไฟ ต้มไฟปานกลาง ประมาณ 2 ชั่วโมง หรือ จนนิ่ม
คอยระวังอย่าให้ น้ำแห้ง 
ใส่น้ำตาล เกลือแล้วต้มไป จนแห้ง  

Friday, April 16, 2010

Chocolate Almond Rocher: Crunchy and nutty chocolate bonbons.


ว่าไป บางที เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจไปซะทุกอย่างนะคะ เหมือนกับปุ๊กไง ที่มักจะเจอปัญหา อยู่เรื่อยเลยค่ะ เวลาที่ทำช็อกโกแลต เพราะว่าปุ๊กเองชอบทานช็อกโกแลตขมๆ ในขณะที่ พี่ๆของปุ๊ก ชอบทานช็อกโกแลตแบบไม่ขมนะคะ  

ดังนั้นเวลาที่ทำขนมทีไร จะต้องคิดว่า พี่ๆของเรา เขาจะชอบทานไหม หรือ เขาจะทานเยอะไหม เพราะปุ๊กเองก็ไม่อยากทำอะไรที่ไม่อยากทาน แต่ ถ้าทำของที่ตัวเองอยากทาน ก็ทานไม่หมดค่ะ (นิสัยเสียไหม555 แต่ก็นะ เวลาทำขนมที่ตัวเองอยากทาน มันก็รู้สึกสนุกกว่านิค่ะ) 

แต่คราวนี้ สูตรช็อกโกแลตรอบนี้ น่าสนใจมากเลยค่ะ เพราะว่า จะได้ลองทำ นูกัตเองด้วยนะคะ (นิสัยปุ๊กเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ เวลาได้ลองทำ อะไรใหม่ๆ ก็จะตื่นเต้นๆ ทุกทีค่ะ) สูตรคราวนี้ น่าจะเป็นสูตรที่ พี่ๆของปุ๊กน่าจะชอบนะคะ เพราะคราวนี้ ไม่ได้ใช้ช็อกโกแลตแบบดาร์กที่ขมๆ คลุมด้วยมิลล์ช็อกโกแลต แล้วยังมีความหวานจาก ตัวของนูกัตมาเป็น การตัดรสขมอีกทางด้วยค่ะ  

ปุ๊กว่าสูตรนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจ สำหรับคนที่ชอบทานถั่ว และไม่ชอบทานช็อกโกแลตขมๆ ด้วยค่ะ เพราะด้านในเป็น ช็อกโกแลตกานาซพร้อมนูกัต และคลุมด้วยช็อกโกแลตกับอัลมอนด์ด้วยค่ะ (ดังนั้น สูตรนี้ ถูกใจชัวร์ๆเลย ใช่ไหมล่ะ แล้วก็ยังทำไม่ยากด้วยนะ)

สำหรับการทำ นูกัต ก็ไม่ได้ยากอะไรนะคะ เพียงแต่ว่า เวลารีด ถ้ามีเจ้าแผ่นซิลิโคน ก็ช่วยให้ ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ  แล้วก็ ระวังเรื่องลวกมือด้วยนะคะ เพราะว่า นูกัต จะร้อนมากค่ะ 

The recipe from: チョコレートのお菓子by 藤野 真紀子 (Makiko Fujino)



Chocolate Almond Rocher
Makes about 50 pieces


Nougat
75g ...................... อัลมอนด์สับ
100g ................... น้ำตาลทราย 
35ml ................... น้ำ
8g ........................ เนยจืด
Ganache
100g .................... ช็อกโกแลต Semisweet สับ
60ml .................... Whipping cream
½tbsp................... เหล้าRum
Coating
250g ...................... มิลล์ช็อกโกแลต Milk chocolate
3tbsp ...................... อัลมอนด์สับ


Make the Nougat:

เตรียม แผ่นซิลิโคนไว้ 2 แผ่น 


ใส่น้ำตาลและน้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ จนละลาย และเป็นสีคาราเมล เมื่อเป็น คาราเมลแล้วใส่เนยลงไป เมื่อเนยละลายตามด้วย อัลมอนด์  


เทส่วนผสมลงบนแผ่นซิลิโคน แล้วทับด้วยแผ่นซิลิโคนอีกแผ่น แล้วใช้ไม้รีดแป้งรีดให้บาง


เมื่อเย็นแล้ว ให้ทุบให้เป็นชิ้นเล็กๆ 

Make the ganache filling:


ใส่ครีมลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟ เมื่อเดือด เทลงในชามที่ใส่ช็อกโกแลตไว้ พักไว้ 1 นาที แล้วคนให้ละลาย 


เทนูกัต ลงในช็อกโกแลตกานาซ คนให้เข้ากัน 


ใช้ ที่ตักไอศครีมอันเล็กๆ ตักเป็นชิ้น ประมาณ 12กรัม นำเข้าแช่เย็นจนพออยู่ตัว แล้วปั้นเป็นก้อนกลม 

Coating with chocolate:


แบ่งช็อกโกแลตเป็น 2 ส่วน คือ 190g และ 60 g.
ใส่ช็อกโกแลตส่วน 190g ลงในชาม แล้วนำขึ้นละลายบน น้ำเดือดอ่อนๆ จนอุณหภูมิ ถึง 45°C ใส่ช็อกโกแลตที่เหลืออีก  60 g ลงไป แล้วคนให้ละลาย และอุณหภูมิลดลงเหลือ  27°C แล้วนำขึ้นตั้งบนน้ำอุ่น จนอุณหภูมิ สูงขึ้นเป็น  29-30°C.
เทอัลมอนด์สับลงไป คนให้เข้ากัน พร้อมใช้ แล้วค่ะ (ถ้าอุณหภูมิลดลง ให้อุ่นอีก แต่อย่าให้เกิน 30°C นะคะ)


ชุบใส้ด้วยช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ แล้วพักให้อยู่ตัว 


Chocolate Almond Rocher: Crunchy and nutty chocolate bonbons.

Printfriendly