Sunday, December 27, 2009

December 2009 Daring Bakers Challenge #35: Home for the Holidays, Gingerbread House

ช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วง เทศกาลนะคะ เราก็เลยทำขนมที่จะเพิ่มความสุข ให้กับทุกคนในบ้านต่อนะคะ คราวนี้ก็เลย เป็น : The Gingerbread House! หรือบ้านขนมปังขิงค่ะ
ต้องออกตัวก่อนว่า ขนมแบบนี้ ไม่ใช่ของที่ปุ๊กจะได้ทำเรื่อยๆ (อย่างว่าค่ะ มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมนะคะ) แต่ทำแล้วก็สนุกมากเลยค่ะ
เนื่องจากปุ๊กไม่เคยทำมาก่อนนะคะ ปุ๊กก็เลยรู้สึกว่า มันยากเหมือนกันค่ะ ปุ๊กว่า โดมันรีดยากค่ะ (แต่ไม่รู้ว่า เพราะยังไม่หายดีหรือเปล่าค่ะ รู้สึกว่า ไม่มีแรงจะรีดเลยค่ะ) โดมันค่อนข้างเหนียวค่ะ ก็เลยจะเห็นได้เลยนะคะ ว่า ขนมปังขิงของปุ๊กจะค่อนข้างหนาอ๊ะค่ะ
แล้วเพราะว่ามันหนานี่ล่ะค่ะ ก็เลยเป็นเหตุให้ ตอนที่ติดหลังคาลงไป มันไม่ยอมอยู่ค่ะ (เพราะมันหนักอ๊ะค่ะ) ขนาดปุ๊กจับไว้ เกือบครึ่งชั่วโมงนะคะ พอปล่อยเท่านั้นล่ะค่ะ มันก็ค่อยๆเลื่อนลงมา 555 โอ้ย ใจหายเลยค่ะ นี่ยังดีที่ม่าม้า ช่วยตัดกระดาษแข็งมารองให้ ถึงได้ทิ้งไว้ จนมันแห้งสนิทได้ค่ะ
ปุ๊กใช้ แพทเทิร์นจากหนังสือ : The Good Cookie: Over 250 Delicious Recipes from Simple to Sublime โดย Tish Boyle, เพราะเห็นว่า มันสวยดีค่ะ แล้วก็ขนาดไม่ใหญ่มากด้วย
ถือว่าเป็น challenge ที่เยี่ยมมากรอบนึงค่ะ แล้วก็ปุ๊กค่อนข้าง พอใจกับผลที่ได้นะคะ แล้วเป็นไงคะ เห็นด้วยกับปุ๊กกันหรือเปล่า

"The December 2009 Daring Bakers’ challenge was brought to you by Anna of Very Small Anna and Y of Lemonpi. They chose to challenge Daring Bakers’ everywhere to bake and assemble a gingerbread house from scratch. They chose recipes from Good Housekeeping and from The Great Scandinavian Baking Book as the challenge recipes."

-The snow is falling-


Scandinavian Gingerbread (Pepparkakstuga)
from The Great Scandinavian Baking Book by Beatrice Ojakangas


1 cup เนย นิ่ม [226g]
1 cup น้ำตาลทรายแดง [220g]
2 tablespoons อบเชยป่น
4 teaspoons ขิงแห้งป่น
3 teaspoons กานพลูป่น
2 teaspoons เบกกิ้งโซดา
½ cup น้ำเดือด (ปุ๊กใช้ 3/4cupค่ะ)
5 cups แป้งอเนกประสงค์ [875g]


1.ตีเนยกับน้ำตาลให้เข้ากัน ผสมเครื่องเทศลงในแป้ง ผสมเบกกิ้งโซดาลงในน้ำเดือด แล้วเททั้งน้ำ และ แป้งลงไปในเนย


ผสมให้เข้ากัน จนได้ โดที่แน่น (สามารถ ใส่น้ำเพิ่มได้นะคะ) แล้วพักแป้งไว้ 2 ชั่วโมงหรือข้ามคืน


2. ตัด patterns สำหรับการทำบ้านมาเตรียมไว้



3. เปิดเตาอบไว้ที่ 375'F (190'C). รีดแป้ง แล้ววางแพทเทิร์น ลงไป แล้วตัดตามแพทเทิร์นแต่ยังไม่ต้องแยกออกจากกัน แล้วนำไปวางบนถาด เตรียมอบ

4. นำเข้าอบประมาณ 12-15 นาที หรือจนกระทั่งคุกกี้อยู่ตัว แล้วนำแพทเทิร์นมาวาง แล้วตัดให้เรียบ พักจนเย็น


Royal Icing: (ปุ๊กใช้ประมาณ 5 batchค่ะ)

1 ไข่ขาวฟองใหญ่
3 cups (330g) น้ำตาลไอซิ่ง
1 teaspoon น้ำส้มสายชู
1 teaspoon almond extract

ตีส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ยกเว้น น้ำตาลไอซิ่งเมื่อเข้ากันแล้ว ค่อยๆใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไป จนกระทั่งได้ความข้นตามที่ต้องการ ใช้ไอซิ่งในการติดบ้าน หรือของประกอบ ไอซิ่งจะแห้งลงนะคะ ถ้าวางทิ้งไว้ ให้คลุมด้วยพลาสติกแร็ป หรือ ผ้าชื้น จะช่วยให้แห้งช้าลงได้ค่ะ



December 2009 Daring Bakers Challenge #35:
Home for the Holidays, Gingerbread House

Saturday, December 26, 2009

Fruity Drunkie: Let's have PARTY!!! : Pink Banana Mousse!


ในช่วงเวลาของการปาร์ตี้ อย่างช่วงเดือนนี้ เราก็คงต้องอยากได้ สูตรขนมที่ใช้เหล้ากันนะคะ แต่จริงสำหรับปุ๊ก ปุ๊กว่า เหล้านี่ เมื่อนำมาใส่ในขนม ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป จะทำให้ ขนมอร่อยขึ้นได้มากเลยค่ะ

มูสคราวนี้ เป็นส่วนผสมของ 2อย่่างนะคะ คือ กล้วยหอม กับ ราสเบอรี่ค่ะ โดย ราสเบอรี่ ทำให้ มูสออกมาเป็นสีชมพูสวย และ เมื่อเพิ่ม creme de cassis ลงไป ทำให้ ทั้งอร่อย แล้วก็ทานเพลินมากเลยค่ะ (ถ้าเกิดว่า ทำมูสนี้ โดยเสิร์ฟเฉพาะ ผู้ใหญ่ ก็สามารถเพิ่ม creme de cassis เป็น 2ช้อนโต๊ะได้ค่ะ หรือ ถ้า เสิร์ฟเฉพาะเด็ก ก็ไม่ต้องใส่เหล้าก็ได้ค่ะ)
สูตรนี้มาจากหนังสือ 藤野真紀子のシンプルお菓子教室 (simple sweet lesson by Makiko Fujino) โดย Makiko Fujino (เป็นหนึ่งในนักเขียน ที่ปุ๊กชอบค่ะ ซื้อหนังสือ เธอหลายเล่ม แต่ จริงๆ สูตรก็คล้ายๆ กันค่ะ 555) สูตรนี้ ก็ง่ายมากเลยค่ะ โดยการผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกนเท่านั้นเองค่ะ
ปุ๊กทำมูสนี้ เพื่อเข้าร่วมกับ ทีมของ น้องเช้า ที่ว่า "Fruity Drunkie: Let's have PARTY!!!" ที่เราจะทำขนมที่ใช้เหล้าค่ะ
อืม ปุ๊กก็ว่านะคะ ว่า การดื่มเหล้าในปาร์ตี้ ก็ทำให้งานสนุกขึ้นได้ แต่ยังไง ก็อย่ามาดเกินไปนะคะ

From: 藤野真紀子のシンプルお菓子教室

Pink Banana Mousse
Makes 8 glasses (70ml/glasses)

กล้วยหอม........................50g
ราสเบอรี่........................250g
น้ำตาล.............................60g
Gelatin powder................3g
น้ำ.................................1tbsp
Whipping cream.......150ml
Creme de cassis..........1tbsp

ใส่ราสเบอรี่ลง food processor แล้ว process จนละเอียด แล้วกรองเม็ดออก
ใส่กล้วยหอม น้ำตาล และ ราสเบอรี่บดลงใน food processor แล้วปั่นจน ละเอียด และเข้ากันดี


ใส่น้ำลงในชามที่เข้าไมโครเวฟได้ แล้วโรยเจลาตินลงไป รอสักพักให้เจลาตินนิ่มลงนำเข้าไมโครเวฟ แล้ว เปิดเครื่องประมาญ 30วินาที แล้วคนให้ละลายทั่ว
เทลงในส่วนผสมของกล้วย คนให้เข้ากัน

ใส่วิปปิ้งครีมลงไป ตามด้วย creme de cassis แล้วใช้ที่ตีไข่คนให้เข้ากัน
เทลงในถ้วยที่เตียมไว้ แล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็น ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จนอยู่ตัว



Fruity Drunkie: Let's have PARTY!!! : Pink Banana Mousse!

Wednesday, December 23, 2009

Double delicious, Rich but light with Italian style cake

เค้กอร่อยมากๆเลยปุ๊ก, ไม่รู้ทำไมอร่อยขนาดนี้? นี่เป็นคำถามที่เป็นประโยคเริ่มต้นที่ทำ ให้ปุ๊กต้องทำเค้กสูตรนี้ล่ะค่ะ ก็อุ้มอ๊ะสิค่ะ ตอนคุยกันอยู่ดีๆ ก็บอกปุ๊กว่า สูตรนี้อร่อยเหลือเกิน ปุ๊กรู้ไหมว่าทำไม อืม...แล้ว ปุ๊กจะไปรู้ได้ยังไงล่ะค่ะ ก็ตอนที่อุ้มบอก ปุ๊กยังไม่เคยลองทำเค้กสูตรนี้เลย !

ปุ๊กก็ตอบ ไปอย่างที่บอกค่ะ ว่าปุ๊กอ๊ะ ยังไม่เคยลองทำเค้ก สูตรนี้เลย ก็เลยเจอคำสั่งค่ะ 555 บอกเสียงเข้มเชียวว่า "ไปทำเดี๋ยวนี้เลยนะตัวเอง แล้วตัวเองจะได้เข้าใจว่าทำไมมันอร่อยมากกกกกกกกกกกก " แหม.. เล่ยพูดขนาดนี้ ปุ๊กเองจะอยู่เฉยได้ไงล่ะค่ะ ปุ๊กก็ต้องรีบทำสิ (แบบว่าอยากรู้อ๊ะ ว่ามันจะ อร่อยขนาดไหนหนอ ^ ^),แล้วปุ๊กก็พบว่า มันอร่อยจริงๆค่ะ
โดยส่วนผสมของตัวมันเอง ก็น่าอร่อยอยู่แล้วนะคะ ทั้งฮาเซลนัท แล้วก็ช็อกโกแลต แล้วยังดี ตรงที่ว่า คนที่แพ้แป้งสาลี ก็สามารถทานได้นะคะ เพราะเค้ก สูตรนี้ ไม่ได้ใช้แป้งเลยค่ะ อาจจะคิดใช่ไหมคะ หลังจากอ่านสูตร ว่าเค้ก น่าจะเนื้อแน่นหนัก แต่ไม่เลยค่ะ เรียกได้ว่า เป็นเค้กที่ทานแล้วกลับรู้สึกเบามากๆ ทานหมดชิ้นแล้ว ยังไม่รู้สึกแน่นเลยด้วยซ้ำ
วิธีทำก็ง่ายมากด้วยนะคะ โดยเริ่มต้นจากการ ที่เรานำถั่วไปบด กับช็อกโกแลต และเนย แล้วนำมาผสมกับไข่แดง แล้วหลังจากนั้น ก็เพิ่ม ความเบานุ่ม ให้กับตัวเค้ก โดยการตีไข่ขาว แล้วนำมาตะล่อมเข้ากัน แค่นี้เองค่ะ
ปุ๊กว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เค้ก สูตรนี้ มีความอร่อยแปลกไป น่าจะเป็นรสชาติ ของเปลือกของฮาเซลนัทค่ะ เพราะความขมนิดๆ ของมัน ทำให้รสชาติของเค้ก สมดุลย์มากขึ้นค่ะ

สูตรเค้กนี้ มาจากหนังสือในดวงใจของปุ๊กเล่มหนึ่งค่ะ คือ หนังสือ Bake (โดย Rachel Allen),หนังสือเล่มนี้ ดีมากเลยนะคะโดยเฉพาะสำหรับใครก็ตามที่ชอบทำขนมอบค่ะ (อิอิ ก็ตามชื่อเนาะ) แล้วสูตรก็เชื่อถือได้ แล้วยังทำง่ายด้วยค่ะ
เป็นไงคะ เริ่มอยากทำบางหรือยังคะ อิอิ ถ้าคิดว่าอยากรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน ก็ทำเลยค่ะ อร่อยแน่นอน

From: Bake by Rachel Allen

Italian Hazelnut Cake
Serve 6-8


200g (7oz) hazelnuts(แบบติดเปลือก)
1 tsp ผงฟู
50g dark chocolate
100g (3½ oz) เนย,นิ่ม
5 ไข่ แยกไข่ขาว ไข่แดง
175g (6oz) น้ำตาลทราย
1 tsp vanilla extract
เกลือนิดหน่อย

ใช้พิมพ์กลมขนาด 20cm (8นิ้ว)หรือพิมพ์หัวใจขนาด 6x5cm - 16อัน
เปิดเตาอบไว้ที่ 170°C (325°F), ทาเนย และ วางกระดาษรองอบไว้ในพิมพ์


บดฮาเซลนัท กับ ผงฟู และช็อกโกแลต ใน food processor จนละเอียด แล้วใส่เนยลงไป ผสมให้เข้ากัน

ใส่ไข่แดงลงในชาม แล้วตีด้วยที่ตีไข่ไฟฟ้า เมื่อไข่เข้ากัน ใส่น้ำตาลลงไป แล้วตีจน ฟูขาว (เมื่อยกหัวตีขึ้น จะเห็นรอยได้ชัดเจนค่ะ) ใส่ส่วนผสมของถั่ว และวานิลลา ผสมให้เข้ากัน

ตีไข่ขาว และเกลือเข้าด้วยกัน จนตั้งยอดแข็ง แล้วตักลงไปผสมกับส่วนของถั่ว ใส่ไข่ขาวทีละ 1 ในสาม แล้วตะล่อมให้เข้ากัน (ระวังอย่าให้ยุบมากนะคะ) เมื่อเข้ากันดี เทใส่พิมพ์ ที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าอบ ประมาณ 55-70 นาที (หรือถ้าใช้พิมพ์เล็ก จะอยู่ที่ 35-40 นาทีค่ะ) หรือจนเมื่อใช้ไม้แทงลงไป ไม่มีเศษเค้กติดออกมาค่ะ ระวังอย่าเปิดเตาอบ ระหว่างอบอยู่นะคะ เพราะจะทำให้เค้ก ยุบได้ค่ะ เมื่ออบเสร็จ นำออกจากเตา แล้วพักไว้ 15นาที แล้วนำเค้กออกจากพิมพ์ พักให้เย็นก่อนจะตัดเป็นชิ้น

Double delicious, Rich but light with Italian style cake

Sunday, December 20, 2009

Oreo-Crusted White Chocolate Mousse Torte: Lovely to see and delicious to eat!

ปุ๊กว่า โอรีโอ เป็นขนมโปรดของหลายๆคนใช่ไหมคะ ปุ๊กเองก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ (ขึ้นชื่อว่า ขนมนี่ชอบทานไปซะทุกอย่างเลยค่ะ) เป็นขนมที่ชอบตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งโตเลยนะคะเนี่ยะ ^ ^ แต่ลองคิดดูสิค่ะ ว่านี่เป็นรสชาติที่ตัดกันที่แสนอร่อยที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเลย บิสกิตช็อกโกแลตที่มีรสชาติขม กับใส้ในหวานๆ ความแตกต่างของรสชาติที่ทำให้มันอร่อยจริงๆค่ะ

ดังนั้นตอนทีอ่านสูตรนี้ แล้วเขาบอกว่า รสชาติเหมือน ทานโอรีโอ ปุ๊กก็คิดว่า มันต้องอร่อยมากๆแน่เลยค่ะ คิดดูสิว่า มันเป็นส่วนประกอบของของที่อร่อยๆ ก็ทั้งโอรีโอกับ ไวท์ช็อกโกแลต ก็อร่อยทั้งคู่นิค่ะ เมื่อมารวมกัน ก็ต้องเป็นของอร่อยสิค่ะ
มันเหมือนกับ การทาน โอรีโอชิ้นใหญ่ๆ เลยค่ะ พร้อมกับใส้ที่เยอะมาก กว่าปรกติ ซ้ำยังเป็นใส้ที่อร่อยกว่าปรกติ ตรงที่เป็นไวท์ช็อกโกแลตซะด้วยสิ ปุ๊กทำแค่ ครึ่งสูตรของต้นฉบับค่ะ (พี่สาวปุ๊กบ่นว่า ทำน้อยไปค่ะ เพราะหลังจากที่เธอ ทานไป 3 ชิ้นเธอถามว่ามีเหลือพอให้เธอเอากลับบ้านไหม 555) ที่ปุ๊กทำแคครึ่งสูตรก็เลยใช้พิมพ์ขนาด 18 เซนติเมตร แต่ถ้าใครอยากทำเยอะๆ ก็สามารถเบิ้ลสูตร แล้วก็ใช้พิมพ์ ขนาด 23เซนติเมตรแทนได้ค่ะ

ปุ๊กเองชอบ โอรีโอ bite size เหมือนกันนะคะ ปุ๊กว่า ดีทั้งสำหรับตกแต่งแล้วก็ทานเล่นเลยค่ะ (ปุ๊กนะ แต่งเค้กไปก็ทานไป เพลินสุดๆค่ะ ^ ^) แล้วก็คำแนะนำสำหรับคุกกี้ครัมนะคะ ถ้าเกิดว่าอยากให้มันกรอบ ก็แนะนำว่าให้ โรยก่อนเสิร์ฟค่ะ ปุ๊กก็เห็นด้วยนะคะ ว่าตามที่หนังสือเขาบอกว่า เหมือน กับโอรีโอชิ้นยักษ์ ก็ใช่นะคะ เหมือนจริงๆค่ะ แต่มันอร่อยกว่าเยอะมากเลยนะคะ ^ ^

Adaptation from: Chocolate American Style by Lora Brody

-Lovely to see and delicious to eat!-


Oreo-Crusted White Chocolate Mousse Torte
Makes 18 cm


12 Oreo cookies
3 ounces bittersweet chocolate, สับละเอียด
¼ cup วิปปิ้งครีม

For the filling

5 ounces white chocolate, สับละเอียด
1 cups วิปปิ้งครีม
1 teaspoon vanilla extract
1 teaspoons เจลาติน

ทาเนยที่พิมพ์ที่ถอดก้นได้ ขนาด 18cm แล้ววางกระดาษรองอบลงในพิมพ์ แล้วทาด้วยเนยอีกรอบ
เตรียมนำหัวตีและชามไปแช่เย็นไว้

To make the crust

นำคุกกี้ลงใน food processor ที่ติดด้วยใบมีดเหล็ก แล้วปั่นจนกระทั่งคุกกี้เป็นชิ้นเล็ก (แต่ไม่ละเอียด)



ใส่ช็อกโกแลตลงในชาม แล้วนำครีมขึ้นต้มจนเดือดอ่อน แล้วเทลงในชามที่ใส่ช็อกโกแลตไว้ คนให้ละลาย


ใส่ 2 ใน 3 ของ cookie crumbsลงไปในช็อกโกแลต คลุกให้เข้ากัน แล้วตักลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ กดให้เสมอกัน พักไว้
ส่วนคุกกี้ที่เหลือเราจะเก็บไว้โรยหน้าค่ะ

To prepare the filling
นำไวท์ช็อกโกแลตและ ครีม ¼ ถ้วย ใส่ลงในชาม แล้ววางไว้บนหม้อที่มีน้ำเดือดเบาๆอยู่ (อย่าให้ก้นชามโดนน้ำนะคะ) คนจนช็อกโกแลตละลาย เมื่อเนียนแล้ว นำลงจากหม้อน้ำร้อน แล้วพักไว้


นำที่ตีกับชามที่เตรียมไว้ออกจากตู้เย็น แล้วตีวิปปิ้งครีม จนตั้งยอดอ่อน


เทน้ำ 1½ ช้อนโต๊ะ ลงในถ้วยที่ใส่ไมโครเวฟได้ แล้วโรยเจลาตินลงไป รอจนเจลาตินซับน้ำ แล้วนำเข้าไมโครเวฟ เปิดเครื่อง 30วินาที แล้วนำออกมาคนให้ละลาย


เทเจลาตินลงในส่วนของไวท์ช็อกโกแลต แล้วคนให้เข้ากัน


ใส่ 1/3 ของครีมที่ตีไว้ลงใน ส่วนของไวท์ช็อกโกแลต คนให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดกลับลงไปในวิปปิ้งครีม ตะล่อมให้เข้ากัน


เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วเคาะเบาๆ เพื่อให้หน้าเรียบ
นำเข้าแช่ตู้เย็น อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
เมื่อต้องการเสิร์ฟ แซะด้านข้างด้ายมีด แล้วนำออกจากพิมพ์ แล้วใช้ที่ปาดเค้ก สอดเข้าใต้ฐานเค้ก เพื่อนำเค้กออก ตัดเป็นชิ้น แล้วโรยด้วย เศษคุกกี้ที่เตรียมไว้
เค้กสามารกแช่ตู้เย็นไว้ได้ 4 วัน



Oreo-Crusted White Chocolate Mousse Torte:
Lovely to see and delicious to eat!

Wednesday, December 16, 2009

Chicken Farm Bakers' Project # 17:Bake for someone special for his or her's special day: Maria Buns

Chicken Farm Bakers' Project มาแล้วค่ะ เดือนนี้ Aummy เป็นโฮสค่ะ โดย เธออยากให้ พวกเราได้ทำขนม ให้กับคนที่เราคิดว่าเป็นคน พิเศษ สำหรับวันพิเศษของคนคนนั้นค่ะ "Chicken Farm Bakers' Project # 17:Bake for someone special for his or her's special day"
โดยส่วนตัวปุ๊กว่า วันพิเศษอ๊ะมีมากมายนะคะ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน หรือ อะไรอีกหลายอย่าง แต่ปุ๊กเองก็คิดขึ้นมาอย่างนึงว่า การที่เรา ได้มารู้จักเพื่อนๆ ก็ทำให้เราได้รู้สึกว่า ทุกๆวัน เป็นวันพิเศษ คราวนี้ ก็เลยอยากจะยกให้เป็นโอกาสที่ จะบอกเพื่อนๆ ว่า ทุกๆวัน เป็นวันพิเศษเพราะเราได้มารู้จักกันค่ะ

สูตรนี้ปุ๊กได้มาจาก พี่คนหนึ่ง ที่รู้จักกัน ผ่านการที่ปุ๊กทำบล็อกค่ะ เรียกได้ว่า มิตรภาพของเรา เกิดขึ้นได้ ทั้งๆที่เราอยู่ไกลกันมากๆเลยค่ะ สูตร แป้งสูตรนี้ พิเศษตรงวิธี่ทำค่ะ โดยที่ เราใช้ไมโครเวฟในการทำ (ซึ่งทำง่าย มากๆเลยค่ะ)
แทนที่เราจะต้องนำส่วนผสมไปตั้งบนเตา เราแค่เทส่วนผสมลงใน ชาม แล้วนำเข้าในไมโครเวฟแทนค่ะ เร็ว แล้วก็ไม่ร้อนด้วยค่ะ ^ ^.

สูตร Maria Buns นี้ เป็นadaptation จากหนังสือ: Swedish Cakes and Cookies (ถ้าใครจำได้นะคะ ว่า มีโปรเจ็คของฟาร์มไก่รอบหนึ่ง: Bread baking around the world ที่ปุ๊กต้องทำ ขนมปังของ Scandinavian ตอนนั้นก็เลยซื้อหนังสือ เกี่ยวกับ ขนมของ Scandinavian มาลองดูหลายเล่มเหมือนกันค่ะ เล่มนี้ ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ).
Maria bun นี้ เป็นส่วนผสมของ ชูพาสตรี้ โดยด้านบนวางทับด้วย คุกกี้โดค่ะ ใส่ใส้ด้วยครีม แล้วจึงโรยด้วย ไอซิ่ง หน้เาตาน่ารักดีนะคะ เป็นขนมที่เหมือน ก้อนหิมะเลย
ดังนั้น ปุ๊กขอมอบขนมชิ้นนนี้ให้เพื่อนๆ ทุกคน และหวังว่า ทุกๆวัน จะเป็นวันที่พิเศษ ของเพื่อนๆนะคะ

Adaptation from: Swedish Cakes and Cookies


Maria Buns
Makes 15



Cookie dough
100gแป้งอเนกประสงค์
3tbspน้ำตาลทราย
75gเนย


Choux pastry
120mlน้ำเปล่า
60gเนย
2tbspน้ำตาล

เกลือเล็กน้อย
85gแป้งตราบัวแดง, หรือ แป้งเค้ก, ร่อน
120-140กรัมไข่ (ประมาณ 3ฟองกลางค่ะ)



น้ำตาลไอซิ่งสำหรับโรยหน้าค่ะ
First make the cookie dough:

ผสมแป้งและน้ำตาลเข้ากัน แล้วใส่เนยลงไป ตัดเนยลงไปในแป้ง เมื่อทั่วแล้ว ใช้มือนวดเบาๆ เมื่อเข้ากันดี ห่อ ด้วยพลาสติกแล้ว นำเข้าแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

Make the choux pastry:

เปิดเตาอบที่ 200 °C วางกระดาษรองอบไว้บนถาด
ใส่น้ำ เนย และน้ำตาล ลงในชามที่สามารถใส่ไมโครเวฟได้
นำเข้าไมโครเวฟ แล้ว เปิดเครื่อง 2 นาที (หรือจนกระทั่ง เห็นน้ำเดือด) นำออกจากเตา แล้วใส่แป้งลงไป
คนให้เข้ากัน แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีกรอบ เปิดเตาอีก 1 นาที
นำชามออกมจากไมโครเวฟ แล้วคน จนกระทั่งไม่มีไอน้ำลอยยออกมา
เทไข่ใส่ทีล่ะฟอง คนให้เข้ากัน ใส่ไข่จนเมื่อยกพายขึ้น ส่วนผสมจะไหลลงช้าๆ เป็นริ้บบอน
บีบลงบนถาดที่เตรียมไว้

รีดแป้งบางประมาณ 3 มิลลิเมตร แล้วตัดเป็นวงกลมขนาด 6 เซ็นติเมตร แล้ววางลงบน พาสตรี้ที่บีบไว้
นำเข้าอบประมาณ 20 นาที หรือจนสีสวย
ลดความร้อนลงเป็น 150 °C แล้วอบต่ออีก 5 นาที เพื่อให้พองอยู่ตัว
ทำ cream filling:


2cup

นมไม่พร่องมันเนย
4

ไข่แดง
4tbsp

แป้งข้าวโพด,ร่อน
4tbsp

น้ำตาล
1tsp

Vanilla bean paste (หรือ Vanilla extract ก็ได้ค่ะ)



1cup

Whipping cream


1) นำนม ขึ้นตั้งไฟ ในขณะเดียวกันตี ไข่แดง น้ำตาล วานิลลา และแป้งข้าวโพด ในชาม

2) พอนมเดือด เทนมลงในไข่แดงที่ตีไว้ โดยตีตลอดเวลาจนเข้ากันหมด

3) เทผ่านกระชอนลงในหม้อ เพื่อเอาเศษไข่ออก วางหม้อขึ้นตั้งไฟกลาง แล้วคนตลอดเวลา จนเดือด คนไปเรื่อยๆอีก 2-3 นาทีจนข้นแล้วนำออกมาพักจนเย็น


เทวิปปิ้งครีมลงในชาม แล้วตีจนตั้งยอดอ่อน
ตะล่อมวิปปิ้งครีม และ พาสตรี้ครีมเข้าด้วยกัน
นำไปใส่ลงในบัน ที่เย็นแล้ว แล้วจึงโรยหน้าด้วย น้ำตาลไอซิ่ง
Chicken Farm Bakers' Project # 17:Bake for someone special for his or her's special day: Maria Buns

Printfriendly