Tuesday, March 30, 2010

Date Nut Bread with Cream Cheese: The best and delicious way to use Date!


อินทผาลัม ก็จะเหมือนกับ ผลไม้แห้งอื่นๆนะคะ ที่มีความหวาน จัดมาก เป็น ปัญหา ที่ทำให้เราไม่สามารถ ทานได้ เยอะ ไม่ว่า เราจะชอบมันแค่ไหนก็ตามค่ะ ปุ๊กเอง ชอบเอามาทานเล่นนะคะ แต่ ก็นะ ความหวานมากๆแบบนี้ ทานได้ แค่ 1-2 ลูก ก็จอดแล้วค่ะ แต่ ก็ยังนิสัยเสียค่ะ เวลาไปเจอ ก็จะอดซื้อมาเก็บไม่ได้ซะที (รวมถึงมักจะมีคนซื้อมาฝาก เพราะเขารู้ว่าปุ๊กชอบทานค่ะ) ก็เลยกลายเป็นว่า ปุ๊กนะ มีอินทผาลัม อยู่ในตู้เย็นเยอะเชียวล่ะค่ะ

สูตรส่วนใหญ่ที่เจอๆกัน ก็มักจะเป็น การ นำอินทผาลัม ไปทำเป็นเค้กหวานๆอีก ซึ่งเป็น สิ่งที่ปุ๊กไม่อยากได้เลยค่ะ เพราะ อยากได้ ขนมที่ทำ จาก อิทผาลัม แบบไม่หวานค่ะ  
คราวนี้ก็ต้องลื้อๆค้นๆกันอีกแล้วล่ะค่ะ ก็ในห้องปุ๊กเองล่ะนะ 555 ตามกองหนังสือต่างๆที่มีอยู่นี่ล่ะ (อย่างว่านะคะ ซื้อมาแล้วต้องใช้ค่ะ จะได้ไม่รู้สึกผิด เวลาจะซื้อเล่มใหม่ๆ เพราะเรามีเหตุผลไง ใช่ไหมคะ อิอิ) 
ในที่สุดก็เจอค่ะ เป็น ขนมปังแบบ quick bread โดยได้สูตร จากหนังสือ  The Sweeter Side of Amy's Bread: Cakes, Cookies, Bars, Pastries and More from New York City's Favorite Bakery โดย Amy Scherber, Toy Kim Dupree, จริงๆแล้ว เล่มนี้ ก็เพิ่งได้มาไม่นาน แล้วก็ กำลังอยากจะลองสูตรอยู่พอดีเลยค่ะ พอมาเจอสูตร  Date Nut Bread with Cream cheese แล้ว ก็เลยต้องรีบทำเลยค่ะ 

ขนมปังสูตรนี้ ความหวานหลักๆของเขามาจาก ตัวของอินทผาลัม มากกว่าน้ำตาลนะคะ (น้ำตาล ที่ใส่ลงไปในสูตรนี้ จะเป็น เพียงแค่ทำให้ เนื้อของขนมปังนิ่มลงค่ะ) ส่วนการที่มีถั่วอยู่ในเนื้อ ก็ทำให้ ความหวานลดลงด้วยเช่นกันนะคะ แต่หลักคือ วิธีการทานค่ะ ต้องเน้นและย้ำว่า สูตรนี้ ต้องทานพร้อมกับครีมชีสเท่านั้นค่ะ (แบบยิ่งเยอะ ยิ่งอร่อยเลยล่ะค่ะ) ทำให้รสชาติ ของขนมปังดีขึ้นมากๆๆๆๆ ทั้งความเปรี้ยว และความมัน (แบบอร่อย) ของครีมชีส ทำให้ ขนมปังสูตรนี้ ที่เนื้อของเข้า ค่อนข้างแห้ง(เนื่องจาก ในตัวของเขาเอง มีน้ำมัน แค่นิดเดียวค่ะ) กลายเป็นชนมปังที่ริซขึ้นมากเลยค่ะ แล้วก็ไม่หวานจัดด้วยค่ะ 
ดังนั้น อย่าลืมนะคะ ว่า ต้องเสิร์ฟ พร้อมกับ ครีมชีสค่ะ ^ ^ เพราะเท่าที่ปุ๊กลองทานเปล่าๆ มันจะไม่อร่อยเท่าไหร่ค่ะ เพราะก็ยังถือว่า หวานค่อนข้างมากอยู่ค่ะ แต่พอทานกับ ครีมชีสก็กลายเป็นขนมปังที่อร่อยมากๆขึ้นมาทันทีเลยค่ะ 

เสิร์ฟ ขนมปังแบบทาครีมชีสเยอะๆ ประกบคู่กัน พร้อมกับ กาแฟหรือชาเข้มสักแก้ว สำหรับเป็น มื้อเช้าแสนอร่อย หรือ เป็น มื้อว่างก็ไม่เลวค่ะ อืม.....หวาน หอม แบบนี้ น่าจะถูกใจ หลายๆคนเช่นกันนะคะ 




Date Nut Bread with Cream Cheese
Yield 1 loaf (9 x 5 inch) 


INGREDIENTS
175g ............................ อินทผาลัม, สับ
340ml ......................... น้ำร้อน
110g ............................ น้ำตาลทรายแดง
50g .............................. น้ำตาลทราย 
30ml ............................ น้ำมันพืช
1 ................................... ไข่
310g ............................ แป้งอเนกประสงค์
15g .............................. ผงฟู
6g ................................ เกลือทะเล
115g ............................ วอลนัต, สับ
..................................... ครีมชีส, สำหรับทาขนมปัง

1. เปิดเตาอบ ที่  350°F. ทาเนยที่พิมพ์ 



2. ใส่อินทผาลัมลงในชาม แล้วเทน้ำร้อนลงไป, พักไว้ 


3. ผสมน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย น้ำมัน และไข่เข้าด้วยกัน 



4. ผสมแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในชาม แล้วคนให้เข้ากัน เทส่วนผสมของน้ำตาลลงไป ตามด้วย ส่วนของอินทผาลัม เมื่อพอเข้ากันใส่ วอลนัตลงไป แล้ว ตะล่อมแค่พอเข้ากัน   




5.ใส่แบทเทอร์ ลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้  แล้วนำเข้าอบประมาณ 55-65 นาที หรือ จนเมื่อ ใช้ ไม้แทงลงไป ไม่มีเศษขนม ติดออกมา  

6. พักไว้ในพิมพ์  15 นาที แล้วจึงนำออกจากพิมพ์ แล้วนำมาพักไว้บนตระแกรงพักขนม จนเย็น เปลือกของขนมปังอาจจะแข็งขึ้น เล็กน้อย ถ้าต้องการเก็บไว้นานให้ ห่อ ด้วยพลาสติก 1 ชั้น แล้วทับด้วย ฟรอย แล้ว แช่ไว้ในช่องฟรีส  
7. เสิร์ฟ พร้อมกับ ครีมชีส ประมาณ 30 กรัมต่อ 1 แผ่น สำหรับมื้อว่างแสนอร่อยค่ะ 



Date Nut Bread with Cream Cheese: 
The best and delicious way to use Date!

Saturday, March 27, 2010

March 2010 Daring Bakers Challenge #38: ORANGE TIAN



เวลาผ่านไปเร็วมากเลยนะคะ สิ้นเดือนอีกแล้วค่ะ พอช่วงสิ้นเดือนทีไร ปุ๊กก็มีอะไรที่ต้องทำเยอะแยะเลยค่ะ ทั้ง ขนม แล้วก็งานค่ะ  ^ ^.
อย่างว่านะคะ ปุ๊กมักจะขี้เกียจอยู่เรื่อยเลยค่ะ ช่วงนี้ ส่วนหนึ่ง คือ ความขี้เกียจนี่ จะหนักมาก เมื่อได้เห็น โจทย์ของDB ที่ยาวมากๆๆๆๆค่ะ 5555 เพราะเท่าที่ปุ๊กสังเกตุ ดูเหมือน ว่าสูตรจะยาวขึ้น เรื่อยๆ เพิ่มขึ้น ทุกเดือนนะเนี่ยะ  T T แต่ก็นะคะ ยอมรับได้ค่ะ แหม ก็เขาเรียกว่า  challenge มันง่ายๆ ก็ไม่เหมาะกับคำๆนี้ นะสิคะ 

คราวนี้ ก็ยังต้องทำ ส่วนประกอบหลายอย่างเช่นเคยค่ะ โดยที่มี  Pate Sablee, Marmalade, ส้มแช่คาราเมล แล้วก็วิปปิ้งครีม แต่ก็ตามเคยค่ะ ปุ๊ก เจอปัญหา เล็กน้อย ตรงที่ ปุ๊กหาซื้อ pectin ไม่ได้ค่ะ (เรียกว่า หาซื้อหลายที่ แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่ทันค่ะ) คราวนี้ ก็เลยทำแยม แบบไม่ได้ ใช้  pectin นะคะ แต่ก็ ยังดีค่ะ ที่ผลออกมาไม่ได้แย่เลยค่ะ  เรียกว่าอร่อยใช้ได้ค่ะ (คิดว่า ไว้จะลองทำอีกค่ะ เพราะคราวนี้ ปุ๊กว่า หวานไปนิดค่ะ)


ขนมออกมา รสชาติอร่อยค่ะ แต่ ปุ๊กเองคิดว่าถ้าได้ลองใช้ ผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวมากกว่านี้ ก็น่าจะอร่อยขึ้นนะคะ (เช่นการใช้ เลมอน หรือ พวกเกรปฟรุตมาช่วยเสริมรสชาติค่ะ) แต่ ถ้า ใครที่ชอบทานส้มมากๆ เป็นทุนเดิม ก็น่าจะชอบของหวานคราวนี้ นะคะ  

สรุปง่ายๆค่ะ ว่า คราวนี้ ก็ถือว่าเป็น challenge ที่สนุก และ น่าสนใจ อีกครั้งหนึ่งนะคะ (ปุ๊กมีความสุขมากนะคะ ที่ได้เป็น สมาชิก ของ Daring Bakers member, โดยเฉพาะเวลาที่ ไม่ขี้เกียจนะคะ 555) แล้วก็ เหมือนกับ ขนมอื่นๆ ที่ีมีส่วนประกอบหลายอย่าง เตรียมตัวให้ดี แล้ว ก็แบ่งเวลา เท่านี้เองล่ะค่ะ ขนมที่ต้องทำหลายอย่างแค่ไหน เราก็สามารถทำได้ อย่างง่ายดายค่ะ ! 


The 2010 March Daring Baker’s challenge was hosted by Jennifer of Chocolate Shavings. She chose Orange Tian as the challenge for this month, a dessert based on a recipe from Alain Ducasse’s Cooking School in Paris.




THE DARING BAKERS MARCH 2010 CHALLENGE - ORANGE TIAN
Makes 6 (8.8 cm/ pieces)


For the Pate Sablee:
dailydelicious note: ถ้าทำแค่ 6 ชิ้นเท่าปุ๊ก ก็ทำแค่ ครึ่งสูตรพอค่ะ  

Ingredients U.S. Imperial Metric Instructions for Ingredients
2 .......................................................................................ไข่แดง 
6 tablespoons + 1 teaspoon; 2.8 oz; 80 grams ..........น้ำตาลทราย
½ teaspoon.....................................................................vanilla extract
¼ cup + 3 tablespoons; 3.5 oz; 100 grams .............. เนยจืด เย็น ตัดเป็นชิ้น 
1/3 teaspoon; 2 grams ................................................. เกลือ
1.5 cup + 2 tablespoons; 7 oz; 200 grams ................. แป้งอเนกประสงค์
1 teaspoon ; 4 grams .................................................... ผงฟู

Directions:


ใส่แป้ง ผงฟู เนยเย็น และเกลือ ลงใน เครื่อง food processor ปั่นให้เข้ากันค่ะ
ใส่ไข่แดง วานิลลา และน้ำตาล ลงในชาม แล้วตีให้เข้ากัน แล้วเทลงใน เครื่อง food processor
เปิดเครื่อง จนแป้งพอเข้ากัน ถ้าแป้งแห้งมาก ให้ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย จน แป้งเข้ากัน 
ตักออกจากโถ แล้วห่อ ด้วย พลาสติก นำเข้า แช่ในตู้เย็น 30 นาที 


เปิดเตาอบที่  350 degree Fahrenheit.


รีด แป้งให้บางประมาณ ¼ inch 
ตัดด้วย ที่ตัดคุกกี้ แล้ววางลงบนถาด ที่ปูด้วย กระดาษรองอบ หรือ แผ่นรอง


นำเข้าอบประมาณ 20 นาที่ (dailydelicious note: ปุ๊กใช้เวลา 15 นาทีค่ะ) หรือ จนกระทั่ง สีทองสวย 

For the Marmalade:

Ingredients U.S. Imperial Metric Instructions for Ingredients
¼ cup + 3 tablespoons; 3.5 oz; 100 grams..... น้ำส้มคั้น 
1 ............................................................................ ส้มลูกใหญ่ ไว้ ทำ orange slices
............................................................................... น้ำเปล่าสำหรับต้ม ส้ม 
5 grams................................................................. pectin
............................................................................... น้ำตาลทราย น้ำหนักเท่ากับส้มที่ต้มน้ำแล้ว


ฝานส้มเป็น ชิ้น บางๆ แล้ววางลงในหม้อ แล้วใส่น้ำลงไป นำขึ้นต้ม จนเดือดอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที 



เทน้ำทิ้ง แล้วใส่น้ำลงไปอีกรอบ ต้มจนเดือดอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที  แล้วเทน้ำทิ้ง ทำแบบนี้ อีกหนึ่งรอบ (อันนี้ เป็น การล้างความขมของเปลือกส้มค่ะ) เมื่อทำครบ 3 รอบแล้ว พักไว้ให้ส้มเย็น  


เมื่อเย็นนำขึ้นชั่งน้ำหนัก (เพื่อจะได้รู้ปริมาณ ของน้ำตาลที่เราจะใช้ค่ะ) 
แล้ว สับส้มให้ละเอียด (หรือจะใช้  food processorปั่นก็ได้ค่ะ) 
ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ แล้วนำไปต้ม ประมาณ 10-15 นาที
จนข้น นำออกมาพักให้เย็น  แล้วแช่เย็นไว้จน กระทั่งถึงเวลาที่จะใช้ .


For the Orange Segments:

ใช้ ส้มทั้งหมด 8 ลูกค่ะ  

dailydelicious note: ถ้าใช้ส้มลูกใหญ่ แบบปุ๊ก ก็ใช้แค่ 4 ลูกค่ะ (ประมาณ 220-240กรัม ต่อลูกค่ะ) 


ตัดส้มเป็น กลีบ บนชาม (เพื่อรองรับน้ำส้มค่ะ) ใส่ส้มลงในชามแล้วพักไว้

For the Caramel:

Ingredients U.S. Metric Imperial Instructions for Ingredients
1 cup; 7 oz; 200 grams .......................................... น้ำตาลทราย
1.5 cups + 2 tablespoons; 14 oz; 400 grams ........น้ำส้มคั้นสด


ใส่น้ำตาลลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟ 
เมื่อน้ำตาลเริ่ม เดือด ค่อยๆใส่น้ำส้มลงไปจนหมด เมื่อเดือด นำลงจากเตา แล้วเท ครึ่งนึงของทั้งหมดลงบนกลีบส้มที่เตรียมไว้ 
อีกส่วน เทลงในชาม เพื่อเก็บไว้ใช้ตอนเสิร์ฟค่ะ 

[Tip: ข้อควรระวัง ในการทำ คาราเมลนะคะ ให้ระวังเมื่อน้ำตาลเดือด เพราะ มีความร้อน สูงค่ะ ให้ระวังโดนลวกนะคะ!]

For the Whipped Cream:
Ingredients U.S. Metric Imperial Instructions for Ingredients
1 cup; 7 oz; 200 grams ................................... วิปปิงครีม
3 tablespoons ................................................... น้ำร้อน
1 tsp .................................................................. เจลาติน
1 tablespoon .................................................... น้ำตาลไอซิ่ง
1 tablespoon .................................................... แยมส้ม (ที่ทำเองค่ะ)


ใส่น้ำร้อน ลงในถ้วย แล้ว โปรยเจลาตินลงด้านบน 
คน ให้ละลาย แล้วพักให้เย็น 


ใส่ครีมลงในชาม ตีครีม ด้วยความเร็วต่ำ จนเริ่มข้น (ประมาณ 1 นาที) แล้วใส่ น้ำตาลไอซิ่งลงไป เร่งความเร็วขึ้น เป็น ปานกลาง ตีจน เริ่มมีรอยเมื่อยกหัวตีขึ้น แล้วเทเจลาติน ที่เย็นแล้วลงไป ตี จน ตั้งยอดอ่อน แล้ว ใส่ แยมส้มลงไป แล้ว ตะล่อมให้เข้ากัน 
[Tip: ให้ นำชามใส่ครีม และ หัวตีไปแช่เย็น ประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะตี จะช่วยให้ตีง่ายขึ้นค่ะ]

Assembling the Dessert:

เตรียมที่ว่างไว้ เพื่อวางถาดในช่องแช่แข็งค่ะ
วางแผ่นซิลิโคน ไว้บนถาด แล้ววาง ที่ตัดคุกกี้ ขนาด 9นิ้ว 6ชิ้นลงบนถาด  


ตักส้ม ออกจาก น้ำเชื่อม แล้วซับด้วย กระดาษ kitchen towel.
เตรียม marmalade ครีม และ  Pate Sablee ไว้ข้างๆค่ะ  
วางกลีบส้มลงในวง ให้ชิดๆกัน อย่างสวยงาม เพราะอันนี้ จะเป็น ด้านบนของขนมเราค่ะ 


เมื่อวางเรียบร้อย ให้ ใส่ ครีมลงไป เกลี่ยให้ เรียบ และ เผื่อที่ไว้เล็กน้อย สำหรับ Pate Sablee ค่ะ
ทาแยม ที่ Pate Sablee แล้ว คว่ำ ด้านที่มีแยมลงไป แล้วกดเบาๆ เพื่อให้เรียบเสมอกัน 
นำเข้า แช่ ช่องฟรีส ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ อยู่ตัว 





ในขณะที่ แช่ขนมอยู่ ให้เทคาราเมลที่เหลืออยู่ ลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ประมาณ 10นาที หรือ จน กระทั่งคลุมช้อนได้ 



ใช้มีด เลาะขนมออกจากพิมพ์ แล้ว วางลงบน จาน
ราดด้วย คาราเมลซ้อส แล้วเสิร์ฟค่ะ 


March 2010 Daring Bakers Challenge #38 : ORANGE TIAN

Wednesday, March 24, 2010

CHARLOTTE À LA BANANE: Banana charlotte, sexy and lovely banana!


ถ้ามีใครถามว่า ชอบทานกล้วยหอมไหม ? ปุ๊กบอกได้เลยนะคะ ว่าปุ๊กชอบมากๆเลยค่ะ ไม่ว่า จะเป็น ทานเป็นลูก นำไปอบ นำไปทอด หรือ ว่า จะนำไปทำเป็น ขนมหลายๆอย่างค่ะ  
กล้วยหอม เป็น ผลไม้ที่เรียบง่ายมากเลยค่ะ แต่ว่า มักจะถูกมองข้ามนะคะ เพราะว่า การจะนำกล้วยหอมมาตกแต่งจะยากค่ะ เพราะเมื่อกล้วยถูกหั่น แล้ว ก็มักจะกลายเป็นสีดำเมื่อทิ้งไว้นานๆนะคะ  (หรือเรียกว่า oxidation). 

แต่เมื่อปุ๊กเห็น ขนมชิ้นนี้ ในหนังสือ: おいしい顔のお菓子たち โดย Katsuhiko Kawata, ปุ๊กคิดว่า  อืม... สุดยอดเลยค่ะ เพราะว่า หน้าตาขนมก็ดูสวยงาม แล้วการนำกล้วยหอมมาตกแต่งแบบนี้ ก็ดูดีค่ะ โดยขนมชิ้นนี้ จะมีรสชาติของกล้วยหอมแบบเต็มๆค่ะ แล้วยังใช้ กล้วยหอมในการตกแต่งด้วยค่ะ  
กล้วยหอม จึงได้กลายเป็น ราชินีไปแล้วค่ะ สำหรับรอบนี้ เพราะโดยส่วนใหย่แล้ว กล้วยหอมมักจะเป็นส่วนประกอบ (หรือเป็น  back up ให้กับรสชาติอื่นๆ (โดยเฉพาะ ช็อกโกแลตค่ะ) คราวนี้ เรานำกล้วยหอมมา เผาให้สวย แล้วทาด้วย  glaze ซึ่งทำให้ กล้วยหอม ไม่ดำ และกลายเป็น อัญมณีสีเหลืองสวย ที่ตกแต่งอยู่บน charllote ของเราค่ะ 

ภายในของcharlotte เป็น banana bavarois ค่ะ ที่มาพร้อมกับ กล้วยหอมผัด ทั้งกลิ่นหอม และความนุ่มนวลของรสชาติ เยี่ยมยอดจริงๆค่ะ เรียกว่า คนที่ชอบกล้วยหอม น่าจะชอบขนมแบบนี้เช่นกันค่ะ 
คราวนี้ เลยชวนเชิญคนที่ชอบทานกล้วยหอมเหมือนกัน มาทำ charlotte กล้วยหอมกันค่ะ เพราะเมื่อนำมาตกแต่งแบบนี้ กล้วยหอมของเรา ก็ออกมาสวยเซ็กซี่ได้เช่นเดียวกันค่ะ ^ ^




CHARLOTTE À LA BANANE
Makes 15 cm 



BISCUITS À LA CUILLÈRE

3 .................................. ไข่แดง
75g .............................. น้ำตาลทราย (a)
3 .................................. ไข่ขาว
28g .............................. น้ำตาลทราย (b)
75g .............................. แป้งเค้ก
...................................... น้ำตาลไอซิ่ง สำหรับโรย 

BAVAROIS À LA BANANE

4 ................................... ไข่แดง
150g ............................ น้ำตาลทราย
250g ............................ กล้วยหอมบด
50g .............................. นม
7g ................................. เจลาติน
60g .............................. นม
1tsp ............................. เหล้าRum
250g ............................ Whipping cream

BANANE SAUTÉ

1 ................................. กล้วย ตัดเป็นชิ้นขนาด 1 เซนติเมตร
7g ............................... เนยจืด
15g ............................. น้ำตาลทราย
20ml ........................... เหล้าRum

SYRUP

70g ............................ น้ำตาลทราย
50g ............................ น้ำ
1tbsp ......................... เหล้าRum

BANANE BRÛLÉ

2 ................................ กล้วยหอม ตัดเป็นชิ้น ขนาด 1 เซนติเมตร 
................................... Apricot jam

Make the biscuits:


เปิดเตาอบที่160°C.
1. ตีไข่ขาว จนขึ้นฟู ตั้งยอดอ่อน แล้วค่อยๆใส่ น้ำตาล 28 กรัม (น้ำตาล b) ตีต่อไป จนตั้งยอดแข็ง และแววสวย 


2. ตีไข่แดง กับ น้ำตาล 75กรัม (น้ำตาล a) จนกระทั่งเข้ากันดี ประมาณ 1-2 นาที แล้วจึงนำไข่แดง และร่อนแป้งใส่ลงในเมอแรงค์ ตะล่อมทั้งหมด ลงใน เมอแรงค์ลงไป อย่างเบามือ - แบทเทอร์จะยุบตัวลงค่ะ ไม่ว่าจะระวังแค่ไหน ^ ^" แต่ก็ขอให้เบามือค่ะ 


1. เตรียมถุงบีบ โดยใส่หัวกลมขนาด 8-10mm ไว้ แล้วเตรียมกระดาษรองอบไว้บนถาด 
2. ตักใส่ถุงแล้วบีบเป็น วง 2วง ขนาด 12cm และขนาด 6 cm และบีบส่วนที่เหลือ เป็น เส้นขนาด11 cm กว้าง 10-12mm โรยด้วย น้ำตาลไอซิ่ง พักไว้ 15 นาที จนน้ำตาลเป็นเกล็ด 
3. โรยน้ำตาลไอซิ่งอีกรอบ แล้วนำเข้าอบ 17-20 นาที  จนเป็นสีทองสวย พักไว้ จนเย็น
4. เมื่อเย็น ใช้ spatula แซะบิสกิตออกมา 

Make BANANE SAUTÉ:


ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อน เมื่อเนยละลาย ใส่กล้วยและน้ำตาลลงไป ผัดไปเรื่อยๆ จนเมื่อกล้วยเริ่มเละ ใส่เหล้ารัมลงไป แล้วผัดจนสีน้ำตาลสวย 

Make BAVAROIS À LA BANANE:


ผสมไข่แดง กับน้ำตาลจนสีอ่อน พักไว้ 


ใส่นม 50ml ลงในหม้อ แล้วใส่กล้วยหอมบดลงไป นำขึ้นตั้งไฟกลาง เมื่อเดือดนำลงจากเตา 


แช่เจลาตินในน้ำเย็น แล้วพักไว้ 


ใส่ส่วนของกล้วยหอมลงในไข่แดง คนให้เข้ากัน 
เทส่วนผสมกลับลงในหม้อ ตั้งไฟอ่อน จนเดือดเบาๆ แล้วนำลงจากเตา ใส่เจลาตินลงไป คนให้ละลาย
พักไว้จนเย็นสนิท


ตี whipping cream จนตั้งยอดอ่อน 


เทนม 60ml ลงในส่วนของนม คนให้เข้ากัน ใส่รัมแล้วคนให้เข้ากัน 
ใส่ 1/3 ของครีมลงในส่วนของกล้วย ตะล่อมให้เข้ากัน 
เทส่วนผสมกับลงในส่วนของครีม แล้วตะล่อมให้เข้ากัน 


Assemble:

ต้มส่วนผสมของ syrup โดยผสมน้ำ และน้ำตาลเข้าด้วยกัน จนเดือด แล้วพักให้เย็น เมื่อเย็น ผสมเหล้ารัมลงไป


ล้อมพิมพ์ขนาด 15เซ็นติเมตร ด้วย อะลูมิเนี่ยมฟรอย เพื่อให้ขอบสูงขึ้น 
วางบิสกิตขนาด 12 cm ลงไป แล้วล้อมด้วย เลดี้ฟิงเกอร์ 
พรมบิสกิตด้วย ไซรัป


ใส่ 1/3 ของ bavarois ลงในพิมพ์ แล้วทับด้วย sauté banana 
ใส่ 1/3  bavarois ลงไป แล้วทับด้วย บิสกิตขนาด 6cm 
พรม บิสกิตด้วย ไซรัป แล้วเท bavarois ลงไป 
นำเข้าแช่เย็น ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จนอยู่ตัว 

เมื่อต้องการเสริฟ ทำ BANANE BRÛLÉ:

ต้มแยมในหม้อบนความร้อนต่ำ จนละลาย แล้วกรองผ่านกระชอน 


วางกล้วยหอม ลงบนถาด แล้วเผาด้วย blow torch แล้วทาด้วย  apricot glaze.





ตกแต่ง ด้านบนด้วย  brûlé banana แล้วเสิร์ฟ


CHARLOTTE À LA BANANE: Banana charlotte, sexy and lovely banana!

Printfriendly