Friday, November 27, 2009

November 2009 Daring Bakers Challenge #34: Cannolli with Strawberry and Diplomat cream

เดือนนี้ โฮส ของ daring bakers คือคุณ Lisa Michele ต้องการให้พวกเรา ได้ลองทำ ขนมของอิตาลี่ดูบ้างค่ะ ซึ่งก็คือ "Cannolo" หรือ Cannoli นี่ล่ะค่ะ Cannolli แบบต้นตำหรับจริงๆ จะต้องใช้ พิมพ์ที่เป็น ทรงกระบอกค่ะ โดยม้วน แป้งทับกับพิมพ์ แล้วนำลงไปทอดค่ะ
Cannoli คือขนมแบบ Italian-American โดยที่มีต้น ตำหรับมาจาก Sicily, โดยเฉพาะที่ Palermo, ที่ซึ่งเขาจะ ทำในช่วงเทศกาล Carnevale โดยเป็นสัญลักษณ์ของ ความอุดมสมบูรณ์ค่ะ โดย แคนโนลี่ จะเป็น ขนม แป้งทอดที่มีส่วนผสมของไวน์ ที่มีลักษณะ เป็น แท่งทรงกระบอก กลวงตรงกลาง และใส่ใส้ด้วย ริค๊อตต้าชีส ที่ปรุงรสให้หวาน ผสมกับ ช็อกโกแลต ผิวส้ม หรือ ผลไม้เชื่อม และบางครั้งก็ใส่ ถั่วด้วยค่ะ บางทีก็ใช้ มาสคาร์โปเน่ มาทำเป็น ใส้ก็มีค่ะ ถึงแม้ว่าจะ ไม่ตามตำหรับนัก บางทีก็ใส่ใส้ด้วย pastry creams, mousses, whipped cream, ice cream ก็ได้ค่ะ ธรรมดาแล้ว จะใช้ เหล้า Marsala นะคะ แต่ เป็นไวน์ชนิดอื่นก็ได้ค่ะ เพราะ มันไม่ได้เพิ่ม กลิ่นหรือรสนะคะ แต่เป็นการ ทำให้ กลูเต็นในโด relax ค่ะ เพื่อว่า เวลาที่รีด จะได้ง่ายขึ้นค่ะ

ว่าไปก็ยังดีนะคะที่เขาไม่ได้บังคับ ให้ทำออกมาเป็นแบบแท่งอย่างเดียวค่ะ คือ ถ้าใครไม่มี เขาก็ให้ทำเป็นแผ่น แล้ว เอาใส้ มาวางตรงกลางแล้ว ประกบกันแทนได้ค่ะ ส่วนใส้ ปุ๊กใช้เป็น Diplomat cream (คือครีมที่ใช้ พาสตรีครีม ผสมกับ วิปปิ้งครีมค่ะ) เอาทานพร้อมกับสตรอเบอรี่ (ง่ายๆดีค่ะ แล้วก็อร่อยด้วย ^ ^)
เวลารีดแป้งนี่ต้องเน้นค่ะ คือ ถ้ารีบไม่บางพอ เนื้อมันจะหนาไม่อร่อยค่ะ ยังไงก็ รีดให้บางที่สุด เท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันค่ะ เผื่อว่าใครอยากทำ และมีพิมพ์อยู่ ปุ๊กก็เลยลงวิธีทำเป็นแท่งมาด้วยนะคะ
ปุ๊กว่า ถ้ามีโอกาสคงต้องทำ แบบต้นตำหรับแน่นอนเลยค่ะ แต่คงต้องรอให้ซื้อพิมพ์มาก่อนนะคะ 555

The November 2009 Daring Bakers Challenge was chosen and hosted by Lisa Michele of Parsley, Sage, Desserts and Line Drives. She chose the Italian Pastry, Cannolo (Cannoli is plural), using the cookbooks Lidia’s Italian-American Kitchen by Lidia Matticchio Bastianich and The Sopranos Family Cookbook by Allen Rucker; recipes by Michelle Scicolone, as ingredient/direction guides. She added her own modifications/changes, so the recipe is not 100% verbatim from either book.


Cannoli with Strawberry and Diplomat Cream
Makes 22-24 4-inch cannoli


CANNOLI SHELLS
2 cups (250 grams/16 ounces) แป้งอเนกประสงค์
2 tablespoons(28 grams/1 ounce) น้ำตาล
1 teaspoon (5 grams/0.06 ounces) ผงโกโก้
1/2 teaspoon (1.15 grams/0.04 ounces) อบเชยป่น
1/2 teaspoon (approx. 3 grams/0.11 ounces) เกลือ
3 tablespoons (42 grams/1.5 ounces) น้ำมันพืช หรือน้ำมันมะกอก
1 teaspoon (5 grams/0.18 ounces) white wine vinegar
Approximately 1/2 cup (approx. 59 grams/approx. 4 fluid ounces/approx. 125 ml) sweet Marsala หรือ ไวน์ชนิดไหนก็ได้ค่ะ ที่มี
ไข่ขาว 1 ฟอง สำหรับทาโดก่อนทอดค่ะ
น้ำมันพืช สำหรับทอด

DIRECTIONS FOR SHELLS:
1. ผสม แป้งน้ำตาล ผงโกโก้ อบเชย และเกลือเข้าด้วยกัน เทน้ำมันพืช น้ำส้ม และไวน์ลงไป ผสมให้เข้ากัน นำออกจาก ชาม แล้วนวด ให้ เนียน และเข้ากันดี (มันจะไม่เนียนแบบขนมปังนะคะ) ประมาณ 2 นาที ค่ะ ปั้นให้เป็นก้อน แล้ว คลุมด้วย พลาสติก พักไว้ 2 ชั่วโมง หรือ ข้ามคืน


Note:
ปุ๊กตัดแล้วทอดเลยนะคะ ไม่ได้ทำเป็นทรงกระบอก

2 ตัด โดเป็นสองส่วน โดยคลุมส่วนหนึ่งไว้ ก่อน โรยแป้ง บนโต๊ะ แล้วรีดแป้งให้บางประมาณ 1/16 หรือ 1/8 นิ้ว แล้วตัดออกเป็น วงกลมขนาด 3-5 นิ้ว แล้วรีด แป้งที่ตัดออกมาเป็นวงรี

3 ทาพิมพ์ cannoli ด้วยน้ำมัน แล้วม้วนแป้งให้ทับกันโดยใช้ไข่ขาวแตะ นิดหน่อยตรงด้านปลาย พักให้ไข่ขาวแห้ง

4. ทอดในน้ำมัน อุณหภูมิประมาณ 375°F (190 °C) ประมาณ 2 นาที

แล้วนำขึ้นมาพักไว้ ก่อนใส่ใส้ ถ้าเกิดว่า จะต้องใช้พิมพ์ อีกรอบ ให้พักพิมพ์ให้เย็นก่อนนะคะ

Make the filling:

200 ml

Whipping cream

500 ml

นม

1

ผักวานิลลา

4

ไข่แดง

70g

น้ำตาล

40g

แป้งข้าวโพด ร่อน


เกลือนิดหน่อย


ต้มนมให้เดือด

ในขณะเดียวกัน ให้ตีไข่แดง น้ำตาล เม็ดวานิลลา แแป้งข้าวโพด และเกลือเข้าด้วยกัน

เทนมลงในชามที่ใส่ส่วนผสมของไข่แดงไว้ ค่อยๆ เทนะคะ และคนตลอดเวลาค่ะ หลังจากนั้น เทกลับเข้าไป ในหม้อที่ต้มนมค่ะ

นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟ ต้มให้เดือด โดยคนด้วยที่ตีไข่ตลอดเวลา เพื่อป้องกัน ส่วนผสมติดก้นหม้อค่ะ เมื่อเดือด คนสักพัก อีกประมาณ 30-60 วินาที เพื่อให้ส่วนผสมข้นขึ้นค่ะ

นำลงจากเตา แล้วพักไว้ให้เย็น

Make the Crème Chantilly:


ตีครีม จนตั้งยอดอ่อน

Make the filling:


ตะล่อม ครีม เข้าไปใน pastry cream แล้วใส่ ลงในถุงบีบ

วางแป้งลงไปในจาน แล้ว บีบ ครีมลงไป ตกแต่งด้วย สตรอเบอรี่



November 2009 Daring Bakers Challenge #34:
Cannolli with Strawberry and Diplomat cream

Wednesday, November 25, 2009

Lemon Squares: My portable lemon pie...

เลมอนนี่ เป็น อีกรสชาติที่ปุ๊กชอบมากเลยค่ะ จะบอกว่าแค่รสชาติก็ไม่พอหรอกค่ะ เพราะเรื่อง ของกลิ่นเขา ก็หอมน่าดูนะคะ ปุ๊กชอบมากเลยค่ะ เลยทำให้เลมอนพาย ก็เป็นขนมสุดโปรด ของปุ๊กอีกอย่างหนึ่งค่ะ

แหม แต่ก็ทำเลมอนพายมานานแล้วค่ะ เลยคิดจะลองทำอย่างอื่นบ้าง รวมถึง ปุ๊กเองไม่เคยทำ คุกกี้ชนิดนี้เลยด้วยค่ะ ทำไมไม่รู้เหมือนกันนะคะ พอลองทำ และลองทาน ก็ยังคิดว่า ทำไมไม่ทำ ซะตั้งแต ่ก่อนหน้านี้หนอ
ปุ๊กว่า คุกกี้แบบนี้ เหมือนกับเป็นพาย ที่ถือไปทานได้ง่ายๆค่ะ (แล้วยังทำง่ายอีกต่างหาก 555) รวมถึงการที่ใส้ ไม่เลี่ยนนะคะ ทำให้ ทานได้ หลายชิ้น ในทีเดียวกันค่ะ ^ ^

วิธีทำฐานของคุกกี้นี่ ก็ง่ายจนไม่น่าเชื่อค่ะ ปุีกเองยังคิดว่า โอ้ย...มันจะ ออกมาเป็นไงหนอ เพราะหน้าตามันดูร่วนๆๆๆ มากเลยค่ะ แต่พออบออกมาก็ดูดีนะคะ แล้วยังเหมาะกับการนำมาใช้ร่วมกับใส้ (หรือจะเรียก ว่าหน้าดีเนี่ยะ) ที่มีความชื้นสูงค่ะ คุกกี้สูตรนี้ จึงต้องแช่เย็นนะคะ เพราะจากตัวฐานที่มีเนยมาก ซึ่งจะอยู่ตัวดี และกรอบ เมื่อนำออกจากตู้เย็น แต่จะแฉะมากๆค่ะ ถ้าเกิดวางไว้ใน ที่ร้อนค่ะ

เพราะตอนแรก ว่าอยากจะลองสูตร ก็เลยทำ แค่ครึ่งสูตรนะคะ แต่ถ้าใครอยากจะทำเยอะๆ ก็ได้นะคะ โดยถ้าทำเป็นสองเท่า ของสูตรที่ปุ๊กทำ ก็จะใช้พิมพ์ขนาด 9x13 นิ้วค่ะ
สารภาพเลยค่ะ ว่าปุ๊กเอง ทานคนเดียวไปเกือบครึ่งค่ะ ^ ^ แหม ก็ลองจินตนาการสิคะ ว่ารสชาติ เปรี้ยวๆหวานๆ ที่มาพร้อมกับฐานที่รสชาติเหมือนคุกกี้เนย เหมือนเดิมนะคะ คุกกี้สูตรนี้ ปุ๊กลดน้ำตาล ลงไปจากสูตรต้นฉบับเล็กน้อยค่ะ ก็เลยคิดว่าสูตรนี้คงเหมาะกับเพื่อนๆ ที่ชอบความเปรี้ยวเหมือนกันนะคะ

Adaptation from: Martha Stewart's Cookies: The Very Best Treats to Bake and to Share

Lemon Squares
Make using 7x7 square pan


for the crust:
85g เนยจืด นำไปแช่ช่องแข็ง
110g แป้งอเนกประสงค์
45g น้ำตาลไอซิ่ง
¼ ช้อนชา เกลือ

for the filling:
2 ฟอง ไข่ฟองใหญ่ ตีให้พอเข้ากัน
110g น้ำตาลทราย
1½ ช้อนโต๊ะ แป้งอเนกประสงค์
⅛ ช้อนชา เกลือ
85ml น้ำเลมอน
2 ช้อนโต๊ะ วิปปิ้งครีม
น้ำต่ลไอซิ่งสำหรับโรยหน้าขนม

1. เปิดเตาอบที่ 350°F ทาเนยที่พิมพ์เหลี่ยมขนาด 7 นิ้ว แล้ววางรองด้วยกระดาษ (ปุ๊กลืมรองกระดาษค่ะ แต่ก็โชคดี ที่พิมพ์ของปุ๊กเป็นแบบถอดก้นได้ เลยไม่มีปัญหาเวลาเอาขนมออก)

2 ทำฐาน:

ขูดเนย ด้วยที่ขูดรูใหญ่ค่ะ แล้วพักไว้
ใส่แป้ง น้ำตาลไอซิ่ง และเกลือลงในชาม แล้วใส่เนยลงไป คนให้เข้ากัน โดยส่วนผสมจะดูแยกๆกันมากเลยค่ะ


3 เทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ กดให้เรียบ แล้วนำเข้าแช่งช่องแข็ง ประมาณ 15นาที แล้วจึงนำออกเข้าอบ ประมาณ 16-18 นาที แล้วนำออกจากเตา

4. ระหว่างที่อบฐานอยู่ ทำใส้ค่ะ โดยการตีไข่ น้ำตาล แป้งและเกลือเข้าด้วยกัน เมื่อเข้ากันดีแล้ว เทน้ำเลมอน และวิปปิ้งครีมลงไป

5 เทส่วนของใส้ลงบนฐานร้อนๆ แล้วลดอุณหภูมิของเตาลง เหลือ 325°F,แล้วอบจนกระทั่ง ใส้อยู่ตัว และขอบมีสีนิดเหลืองทองนิดค่ะ ใช้เวลาประมาณ 18 นาที

พักให้เย็นบนตระแกรงสักพัก แล้วจึงนำออกจากพิมพ์ พักไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้นแล้ว โรยด้วย น้ำตาลไอซิ่ง


Lemon Squares: My portable lemon pie...

Monday, November 23, 2009

Tiramisu, I fall in love with it, again and again ^ ^


ปุ๊กโพสสูตร lady finger ไปเมื่อไม่นานนี้นะคะ ก็มีคนหลายคนถามมาว่า ไม่ลงสูตร Tiramisu บ้างเหรอ จริงๆ ปุ๊กเคยลงสูตร ทีรามิสุมานานแล้วนะคะ (จะลองคลิกไปดูได้นะคะ ที่นี่ ค่ะ) แต่ว่าก็มีเรื่อง ที่อาจจะไม่ตรงใจ หลายๆคน อยู่บ้างสำหรับ สูตรเก่า ตรงที่ว่า สูตรนั้น ใช้มาสคาร์โปเน่ แค่ 125 กรัมค่ะ ในขณะที่ส่วนใหญ่ เวลาซื้อ 1แพ็ค จะมี 250 กรัมใช่ไหมล่ะค่ะ

ดังนั้น ถ้าใช้ชีส หมดภายใน ครั้งเดียว ก็น่าจะดีกว่า ใช่ไหมคะ ^ ^ แล้วสูตรนี้ก็ดีกว่า ตรงที่เก็บไว้ในตู้เย็นได้ดีกว่า สูตรเก่าค่ะ จากสาเหตุที่ว่า สูตรเก่านั้น จะใช้ไข่เยอะค่ะ ซึ่งมีข้อดีคือ เบานุ่มมากๆ แต่ก็ควร ทานให้หมด ภายใน 1-2 วัน ไม่งั้น ก็จะยุบเร็วมากเลยค่ะ

แต่สูตรนี้ จะใช้ไข่ แค่ 2 ฟองค่ะ แล้วไปเน้นชีส 555 เนื้อก็อาจจะหนักขึ้น (แต่รสชาติ ก็เข้มข้นขึ้น ตามไปด้วยค่ะ) ดังนั้นสูตรนี้ ก็เลยสามารถจะอยู่ ได้นานกว่าค่ะ
ปุ๊กก็ชอบสูตรนี้เหมือนกันนะคะ (หรือพูดความจริง คือ ชอบทีรามิสุค่ะ สูตรไหนไม่เกี่ยง ^ ^) เพราะรสชาติของครีมไม่หวานเกินไปนะคะ โดย รสหวานที่ได้ หลักๆ จะมาจากตัวชีสค่ะ
เมื่อพูดถึงภาชนะที่ใช้ ก็สามารถเลือกได้หลากหลายค่ะ ถ้าไม่อยากใช้ถ้วยเล็กๆ ก็สามารถจะทำโดยใช้ ชามใหญ่ขนาด 15X24cm ได้นะคะ ง่าย แล้วก็สะดวกดีค่ะ ส่วนเรื่อง ของการโรย ผงโกโก้ หรือการใช้ช็อกโกแลตขูด ก็ต้องเรียกว่า ตามความชอบค่ะ เพราะปุ๊ก มักจะไอ วลาทานผงโกโก้ แบบนี้ เลยถูกใจมากกว่า

คราวนี้ ปุ๊กใช้บิสกิต Savoiardi นะคะ พอดีว่ามีอยู่ที่บ้านค่ะ ก็เลยไม่ได้ทำ เลดี้ฟิงเกอร์เอง แต่ถ้าใครหาซื้อยาก หรืออยากทำเองก็ลองได้นะคะ ตามไปที่สูตรนี้เลยค่ะ

ปุ๊กบอกไม่ได้จริงๆค่ะ ว่านี่จะเป็นสูตรทีรามิสุ สูตรสุดท้าย เพราะ ปุ๊กเอง ชอบทีรามิสุ แบบหลงรักจนถอดตัวไม่ขึ้นค่ะ ^ ^

the Savoiardi biscuit
Adaptation From: スイーツレッスンABC by Rie Takahashi

Tiramisu
Serves 5-6 people
(depend on the glasses that you use)



250g
Mascarpone Cheese
2
ไข่แดง
2
ไข่ขาว
50g
น้ำตาล
50ml + 1tsp
Kahlua® หรือเหล้ารสกาแฟยี่ห้ออื่นก็ได้ค่ะ
150ml
กาแฟชงเข้มๆ

Sponge fingers คุกกี้เลดี้ฟิงเกอร์

ดาร์กช็อกโกแลต สำหรับโรยหน้าค่ะ


ตีไข่แดง กับน้ำตาล 25กรัม ให้เข้ากัน แล้วใส่ mascarpone และ เหล้ากาแฟ 1 ช้อนชา คนให้พอเข้ากัน
Note from dailydelicious: ในการผสมมาสคาร์โปเน่ ให้ใช้พายยางปาดไปมาอย่างเบามือก่อนก็ดีค่ะ จะช่วยไม่ให้ ไขมันแตกตัวได้


ตีไข่ขาวให้พอเป็นฟอง แล้วใส่น้ำตาล 25g ลงไป แล้วตีจนตั้งยอดเกือบแข็ง (medium stiff peaks)
ใช้ช้อนคันใหญ่ หรือพายยาง ค่อยๆ ตะล่อมไข่ขาว ลงไปในส่วนผสมของไข่แดงและชีส

ผสมกาแฟ และเหล้า 50ml เข้าด้วยกัน แล้วชุบ sponge fingers ด้วยส่วนผสมของกาแฟ

วาง sponge fingers ลงไปในภาชนะที่ใช้ ทับด้วย ส่วนของmascarpone ตามด้วย sponge fingers อีกรอบ แล้วปิดทับด้วย ส่วนของmascarpone
โรยด้านบนบนด้วย ช็อกโกแลตขูด แล้วนำเข้าแช่เย็น อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ

Tiramisu, I fall in love with it, again and again ^ ^

Friday, November 20, 2009

Japanese Strawberry Shortcake: Soft, light, easy and very delicious!

สตรอเบอรี่ช็อตเค้กแบบนี้ เป็นแบบที่เราเห็นวางขายในร้าน เบเกอรี่แบบญี่ปุ่นนะคะ เพราะว่าถ้าพูดถึง สตรอเบอรี่ ช็อตเค้ก ก็จะมีความหมายถึงขนม 2 อย่างค่ะ อย่างถ้าเป็น สตรอเบอรี่ช็อตเค้กแบบ อเมริกัน ก็จะเป็น บิสกิต ที่สไลด์กลาง แล้วใส่ครีมกับ สตรอเบอรี่ค่ะ

จริงๆแล้ว คำว่า ช็อตเค้ก ในความหมายของ ญี่ปุ่น คือ เค้กที่สามารถทำได้ง่า่ย และรวดเร็ว เพราะมีส่วนประกอบแค่ สปันจ์เค้ก แบบจีนัวส์ ครีม แล้วก็ สตรอเบอรี่เท่านั้น เองค่ะ เรียกว่า เป็น ส่วนประกอบ ที่หาไม่ยาก เลยใช่ไหมคะ

ปุ๊กเองก็ชอบช็อตเค้ก เหมือนกันค่ะ ทั้งจากรูปลักษณ์ ภายนอก ที่มีสีแดงของ สตรอเบอรี่ มาตัดกับ สีขาว ของครีม แล้วยังเนื้อเค้ก ที่เบา แต่ริซด้วยครีมนุ่มๆ แล้วยังได้รสชาติ หวานหอม ของสตรอเบอรี่อีก เรียกได้ว่า เป็นเค้ก ที่ทานแล้ว รู้สึกเบาๆ เผลอๆ ทานไปทั้งชิ้น ยังไม่รู้สึก อิ่ม หรือแน่น เลยค่ะ


ปุ๊กดัดแปลงสูตรนี้ มาจากหนังสือ : 12か月のハッピーバースデーケーキ (Birthday Cake for 12 Months) โดย Miwa Nakanishi
ก็เลยเป็น หนังสือ แนะนำ ที่จะเอามาโชว์กันในวันนี้ สำหรับคอหนังสือ ญี่ปุ่นค่ะ

12か月のハッピーバースデーケーキ (Birthday Cake for 12 Months) โดย Miwa Nakanishi
ก็ตามชื่อเลยค่ะ สูตรในเล่ม จะแบ่งออกเป็น 12 เดือน โดยแต่ล่ะเดือน ก็จะมีประมาณ 3-4 สูตรค่ะ มีเค้ก หลายประเภท เลยนะคะ ตั้งแต่ มูสเค้ก เค้กเนย ชูส์ ทาร์ต และ คุกกี้ค่ะ ที่จะนำมาตกแต่งดัดแปลง ออกมาเป็น เค้กวันเกิด ที่น่ารักๆ ได้หลายสไตล์เลยค่ะ

วิธีการตกแต่ง ก็น่ารักไม่ใช่เล่นค่ะ (ดูจากในรูปได้เลยค่ะ) ปุ๊กชอบตรงที่ เขาสามารถ นำเอา ส่วนประกอบ ง่ายๆ อย่างเช่นเค้ก ที่ตกแต่ง ด้วยตุ๊กตาหมี ที่เห็นอยู่ นะคะ ส่วนประกอบ ไม่ได้มีอะไรมากเลยค่ะ เป็น เพียง เค้ก สปันจ์, มูส, แล้วนำมาทาทับด้วย วิปปิ้งครีมเท่านั้นเองค่ะ เห็นไหมละคะว่า ส่วนประสมพื้นฐาน มาตกแต่งแบบง่ายๆ ก็สามารถให้ผลลัพท์ ที่น่ารักได้ขนาดนี้เลยค่ะ

ในเล่มจะมี แบบห่อเค้กด้วย น่ารักดีค่ะ แค่การตกแต่งแบบง่ายๆ ก็สามารถ ทำให้ ผู้รับ รู้สึกดี ได้นะคะ
ปุ๊กแนะนำเลยค่ะ ว่าเล่มนี้ ถ้าใครชอบเค้กแบบง่ายๆ แต่ไอเดียเป็นเลิศ ก็คงต้องเป็นเล่มนี้ เลยล่ะค่ะ

มาพูดถึง สูตรนี้กันบ้างนะคะ ก็อย่างที่บอกค่ะ ว่าทำไม่ยากอะไร แล้วก็ถ้าไม่อยากจะ ทำเป็นชิ้น เล็กๆ แบบปุ๊ก ก็สามารถ อบเป็น เค้กชิ้นใหญ่ ขนาด 18 เซนติเมตร แทนได้ค่ะ แต่พอดี ปุ๊กเป็น พวกบ้าของจิ๋วค่ะ อะไรๆ ก็ชอบ เอามาทำเป็น ชิ้นเล็กๆ (ปุ๊กว่า มันน่ารักดีค่ะ แล้วยังทำ ให้รู้สึกผิด น้อยลง เวลา ทานนะ 555)

น้ำเชื่อม สำหรับทาเค้กนี่ จำเป็น มากเลยนะคะ สำหรับเค้กแบบนี้ ดังนั้น อย่าลืมเชียวค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้ว เนื้อเค้ก จะแห้งเิกินไปค่ะ ปุ๊กเอง ใช้ home made vanilla extract แทนการใช้เหล้าค่ะ แต่ถ้าเป็นแบบที่ซื้อเป็นขวดมา แนะนำว่า อย่าใช้เยอะมากนะคะ เพราะกลิ่นอาจจะแรงเกินไปค่ะ

Adaptation from: 12か月のハッピーバースデーケーキ (Birthday Cake for 12 Months) by Miwa Nakanishi


Japanese Strawberry Shortcake
Makes 4 (6cm) or 1 (18cm)


Genoise


3

ไข่

90g

น้ำตาล

90g

แป้งเค้ก (ร่อน)

20g

เนยจืด (ละลาย)

20ml

นม



น้ำเชื่อม


80g

น้ำตาล

100ml

น้ำ

10ml

เหล้าที่ชอบค่ะ



Whipped Cream


400ml

Whipping cream

40g

น้ำตาลไอซิ่ง



10 ลูก

สตรอเบอรี่




ทำน้ำเชื่อม โดยผสม น้ำตาลกับน้ำลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟให้เดือด
นำออกมาพักจนเย็น แล้วผสมกับเหล้า

เปิดเตาอบที่ 180°C.
ถ้าจะทำก้อนเล็ก ก็ใช้พิมพ์ถาดขนาด 27x27cm วางรองด้วย กระดาษรองอบ
หรือใช้พิมพ์กลม ขนาด 18 เซนติเมตร รองก้นด้วยกระดาษรองอบค่ะ

ตีไข่ในชาม จนเริ่มเข้ากัน แล้วค่อยๆใส่ น้ำตาลลงไป ตีไปเรื่อยๆ จนได้ริปป้อนเสตท (หรือเมื่อยกหัวตีขึ้น จะสามารถวนเป็น เลข 8 ได้ค่ะ)

ตัดส่วนของไข่ออกมาประมาณ ¾ cup แล้วผสมกับเนยละลาย

ร่อน แป้งลงในไข่ ค่อนๆตะล่อมให้เข้ากัน
เทส่วนของเนยลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วตามด้วย นม ตะล่อมจนเข้ากันดี
เทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้
นำเข้าอบ 25-30 นาที สำหรับ พิมพ์กลม 18 cm หรือ 15-18 นาที สำหรับพิมพ์ถาดขนาด 27 cm

เมื่ออบเสร็จ ปล่อยให้เค้กเย็น ก่อนที่จะทำต่อค่ะ

Assemble the cake:

ตัดสตรอเบอรี่ 8ลูก เป็นชิ้นเล็ก

ตีครีมกับน้ำตาลไอซิ่ง จนกระทั่ง ตั้งยอด (ไม่ถึงกับ Stiff นะคะ)

ถ้าทำเค้กก้อนใหญ่ ให้สไลด์เป็น 3 ชิ้น แล้ว ทำตามวิธีเดียวกันค่ะ
ตัดเค้กเป็น 12 ชิ้น วาง 1 ชิ้นลงในพิมพ์ก่อนค่ะ


พรมน้ำเชื่อมลงบนเค้ก แล้ววางสตรอเบอรี่ลงไป
เทครีมลงไป แล้ววางทับด้วย เค้ก
พรมน้ำเชื่อมอีกรอบ วางสตรอเบอรี่ และครีมอีกที แล้ววางทับด้วยเค้ก
นำเข้าแช่เย็นสักพัก แล้วนำออกมาปาดครีมให้ทั่ว

ตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่ที่เหลืออยู่ แล้วก็พร้อมเสิร์พด้วยรอยยิ้มค่ะ!


Japanese Strawberry Shortcake:
Soft, light, easy and very delicious!

Wednesday, November 18, 2009

CHOCOLATE COFFEE CAKE: Chocolate, Chocolate, I ask for more of it !

เวลาที่พี่สาวปุ๊กมาเยี่ยมที่บ้านทีไร ปุ๊กต้องทำขนมให้เธอทุกครั้งค่ะ (เยอะด้วย ทานเก่งมากเลยนะคะ คนนี้ แต่ตัวเล็กนิดเดียว ><) จริงๆแต่ก่อนนี้ เธอก็เคย ลองทำขนมเหมือนกันค่ะ แต่พอทำๆไป ก็เริ่มเบื่อ เธอบอกไม่ใช่ อะไรที่เธอชอบจริงๆค่ะ ก็เลยกลายเป็นว่า อยากทานขนมอะไร ก็จะสั่งให้ปุ๊กทำแทน 555
คราวนี้ เธออยากทาน coffee cake ค่ะ แบบว่า ต้องไม่ใช่ แบบเพลนๆนะ ต้องเป็น ช็อกโกแลต ด้วยค่ะ ( ^ ^ อิอิ... ปุ๊กก็ยิ้มสิค่ะ เพราะปุ๊กเองก็ สาวกช็อกโกแลต ตัวจริง เหมือนกันนิ) คอฟฟี่เค้ก นี่ก็ ทำง่ายค่ะ แต่ถึงจะง่าย แต่รสชาติ ก็อร่อย เข้มข้น นะคะ แล้วยังมีครัมเบิ้ล ที่มี ช็อกโกแลตชิพ ผสมอยู่ด้วย ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติ ของช็อกโกแลต เข้าไปอีกค่ะ เห็นหน้าตาแล้ว น่าทานไหมล่ะค่ะ สีน้ำตาลเข้มของเค้ก ตัดกับ สีของครัมเบิ้ล ก็ดูน่าทานมากๆ แล้วนะ เรื่องของรสชาติ ก็ไม่ใช่ย่อยนะคะ เพราะปุ๊กเพิ่ม รสชาติ ของช็อกโกแลต เข้าไป ด้วยการ เพิ่ม chocolate extract ลงไปด้วยค่ะ แต่ถ้า ไม่มี ก็ไม่เป็นไรนะคะ รสชาติ ก็ยังอร่อยอยู่ค่ะ สัญญา 555

สูตรมาจาก หนังสือ เก่าของปุ๊กค่ะ คือ ช่วงแรกๆที่ ปุ๊กเริ่ม เก็บสะสม หนังสือนี่ ก็จะชอบซื้อ หนังสือที่เขามาเป็น ซีรีส์อ๊ะค่ะ อันนี้ก็เหมือนกัน เป็น ชุด Williams-Sonoma Collection ค่ะ ปุ๊กมีหนังสือที่อยู่ในชุดนี้อยู่ 4 เล่มค่ะ คือ The Williams-Sonoma Collection: Desserts, The Williams-Sonoma Collection: cookies, The Williams-Sonoma Collection: Muffins,The Williams-Sonoma Collection: Bread จริงๆหนังสือชุดนี้ ก็เหมาะกับคนที่ชอบ แล้วก็เพิ่งเริ่ม ทำขนม เหมือนกันค่ะ สูตรก็ทำตามได้ง่ายๆ แล้วยังมีพวก Tip เล็กๆน้อยด้วยค่ะ


เค้กช็อกโกแลต สูตรนี้ทานกับกาแฟ ก็เข้ากันดีจริงๆค่ะ (อืม... ชื่อเขาก็บอกไว้แล้วเนาะ 555) แต่ปุ๊ก ชอบทาน กับนมค่ะ ปุ๊กว่า รสชาติเข้มข้น ของช็อกโกแลต ตัดกันดีกับรสนุ่มๆ ของนมค่ะ แต่ปุ๊กว่า ถ้าใครที่ชอบ ช็อกโกแลตมากๆ ลองทาน เค้กสูตรนี้ กับช็อกโกแลตร้อน ก็อร่อยไม่เลวนะคะ


Adaptation from: The Williams-Sonoma Collection: Muffins

CHOCOLATE COFFEE CAKE
Makes 8x8 pan


FOR THE STREUSEL:


63g

แป้งอเนกประสงค์

50g

น้ำตาลทรายแดง

¼ teaspoon

อบเชยป่น

45g

เนยจืด เย็น

70g

Mini chocolate chips


เกลือเล็กน้อย

Cake


120g

แป้งอเนกประสงค์

30g

แป้งเค้ก

30g

ผงโกโก้

½ teaspoon

เบกกิ้งโซดา (bicarbonate of soda)

½ teaspoon

ผงฟู

¼ teaspoon

เกลือ

65g

เนยจืด

100g

น้ำตาลทราย

1

ไข่

1

ไข่แดง

160g

Sour cream (ครีมเปรี้ยว)

1teaspoon

Vanilla extract

1teaspoon

Chocolate extract (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

เปิดเตาอบที่ 350°F (180°C). ทาเนยและโรยแป้งลงในพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8 นิ้ว (20-by-20-cm) (หรือรองด้วยกระดาษรองอบก็ได้ค่ะ)

ทำ streusel โดยการผสมแป้ง น้ำตาลทรายแดง เกลือ และอบเชย เข้าด้วยกันในชาม ตัดเนยเป็นชิ้นเล็ก แล้วใส่ลงในชาม ผสมโดยใช้ที่ตัด (pastry cutter) หรือใช้ปลายนิ้ว ตัด หรือบิจนกระทั่งส่วนผสม เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป กระจายให้ทั่ว แล้วพักไว้

ผสม แป้งทั้งสองชนิด ผงโกโก้ เกลือ เบกกิ้งโซดา และ ผงฟูเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้

ตีเนย และน้ำตาลจนฟู แล้วใส่ไข่ และไข่แดง ตีให้เข้ากันดี แล้วใส่ vanilla และ chocolate extract.

ใส่ส่วนของแป้งลงไป แบ่งแป้งเป็น 3 รอบ สลับกับครีมเปรี้ยว เริ่มจากแป้งและจบด้วยแป้ง โดยใช้ที่ตีไข่ตีด้วยความเร็วต่ำ ประมาณ 2 นาที

เทแบทเทอร์ลงในพิมพ์ เกลี่ยให้เรียบ แล้ว โรยด้วย streusel

นำเข้าอบ ประมาณ 40-45นาที หรือจนกระทั่งสีน้ำตาลสวย และเมื่อใช้ไม้จิ้มลงไป ไม่มีเศษเค้กติดออกมา นำออกจากพิมพ์ แล้วนำมาพักไว้จนเย็น แล้วตัดเป็นชิ้น

CHOCOLATE COFFEE CAKE:
Chocolate, Chocolate, I ask for more of it !

Printfriendly