Monday, June 29, 2009

Tortano: Italian Bread with Ham, Cheese and Olive Filling!

Ham กะ cheese อีกแล้วค่ะ ^ ^ ช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าบล็อกปุ๊ก จะเต็มไปด้วยขนมปัง ที่มีส่วนผสม 2 อย่างนี้ อยู่รวมกัน ก็มันอร่อยจริงๆนี่หน่า 555

คราวนี้ เป็นขนมปังแบบ อิตาเลี่ยนค่ะ ที่ใช้แป้ง Durum เป็น ส่วนผสมด้วย ซึ่ง ทำให้ สีสวย แล้วก็ เนื้อขนมปัง เหนียวนุ่ม (ไม่ได้เหนียวแบบทานไม่ได้นะ > < ) ส่วนใส้ ในเป็น แฮม mozzarella cheese มะกอก แล้วก็ ใบโหระพาค่ะ (จริงๆแล้ว ปุ๊กว่า ใส้ทำได้หลากหลายเลยค่ะ คิดอยู่เหมือนกัน ว่า ถ้าใส่ หอมหัวใหญ่ผัด ด้วย ก็น่าจะดีไม่น้อย ^ ^ หรือจะว่า อยากใส่อะไร ก็ใส่ตามใจค่ะ เพียงแต่จะต้องระวังนิดหน่อย ตรงความเค็ม ของใส้ เพราะขนมปังสูตรนี้ ตัวเขาจะมีรสชาติเค็มอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าใส้ที่จะใส่ มีความเค็ม ก็น่าจะลดเกลือลง จากสูตรเล็กน้อยค่ะ คือแทนที่ จะใช้ 1 ช้อนโต๊ะ จะกลายเป็น 2 ช้อนชา แล้วก็ ขนมปังอาจจะ ขึ้นเร็วกว่า ที่บอกในสูตรเล็กน้อยนะคะ)

ส่วนถ้าใครไม่มีแป้ง durum ก็สามารถใช้แป้งขนมปัง แทนที่ได้ค่ะ แต่เนื้อก็จะต่างออกไปนิดหน่อย คือ เนื้อจะคล้ายๆ foccaciaค่ะ

ขนมปังสูตรนี้ดีมากนะคะ โดยเฉพาะ เวลาไปปิคนิค เพราะใส้ถูกหุ้มไว้หมด พอเราจะทาน ก็ค่อยตัดเป็นชิ้น ใส้ข้างในก็ยังอร่อยอยู่ค่ะ

Adaptation from: A Piece of Cake by
Leila Lindholm,
Note: แป้ง Durum ซื้อได้ที่ วิลล่า หรือ Foodlandค่ะ


Tortano: Italian Bread with Ham, Cheese and Olive Filling

Makes 1 loaf



7g

Instant yeast

300 ml (1/2 pint)

น้ำอุ่น

2 tablespoons

Olive oil

1 tablespoon

น้ำผึ้ง

1 tablespoon

เกลือทะเล

150 g (5 oz)

Durum wheat flour

270 g (9 1/2 oz)

แป้งขนมปัง



FILLING


200 g (7 oz)

Mozzarella cheese

200 g (7 oz)

แฮม


มะกอกดำ (1กำมือ)


ใบโหระพา (1กำมือ)



ใส่แป้งทั้ง 2 ชนิดผสมกับ Instant dried yeast ลงในชาม คนให้เข้ากันใส่ เกลือ แล้วคนอีกรอบ ใส่ส่วนของของเหลว ลงไปในแป้ง

ใช้พายยางหรือช้อนคันใหญ่คนให้ส่วนผสมเข้ากัน นวดเล็กน้อยให้แป้งจับตัวรวมกัน
นำก้อนแป้งออกจากชาม นวด โดยใช้อุ้งมือดันแป้งไปด้านหน้า แล้วม้วนกลับ กลับด้านแป้ง 90 องศา แล้วนวดแบบเดิมต่อโดยดัน (อย่าลืมทิ่งน้ำหนักลงไปด้วยนะคะ)และม้วนกลับ เป็นจังหวะสม่ำเสมอนวดประมาณ 10-15 นาที (ขึ้นอยู่กับการออกแรงของแต่ละคนค่ะ) (ดูรูป ที่นี่ค่ะ).

นวดจนแป้งเนียน, นุ่ม, ยืดหยุ่นดี และ shiny แปลว่านวดได้ที่แล้วค่ะ (โดจะไม่เนียนมากนะคะ อาจจะมีรอยแยกขาดบ้าง จากความหยาบของ แป้ง Durum ค่ะ) หรือสามารถเช็คโดได้อีกวิธีคือการใช้มือจับโด แล้วนับ 1-10 หากไม่มีเศษโดเละๆติดมือออกมาก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ โดพร้อมที่จะรอขึ้นรอบแรกแล้ว


ปิดด้วยผ้าชื้นๆ พักแป้งไว้ 30 นาที

ค่อยๆแผ่แ้ปงออกเป็นสี่เหลี่ยม ผืนผ้า หนาประมาณ 1 เซนติเมตร (อย่าใช้ไม้รีดแป้งนะคะ เพราะอากาศจะออกไปหมดค่ะ)

โรย mozzarella cheese วางแฮม ลงไป โรยมะกอก และใบโหระพา

ทาริมขอบด้วยน้ำ แล้วม้วน ให้เป็น ทรงกระบอก แล้วม้วนเป็นวงกลม


เปิดเตาอบที่ 250°C/500°F/9as 10.

วางลงในถาดที่วางรองด้วยกระดาษรองอบ พักไว้ให้ขึ้นอีก 30 นาที

นำขนมปังเข้าอบ แล้วลดไฟลงเป็น 200°C/400°F/gas 6 อบประมาณ 20—25 นาที หรือจนสี น้ำตาลสวย


Tortano: Italian Bread with Ham, Cheese and Olive Filling!

Saturday, June 27, 2009

June 2009 Daring Bakers Challenge #31: Bakewell Tart…er…pudding

การบ้าน DB เดือนนี้มาแล้วค่ะ ถูกใจปุ๊กมากเลย เพราะเป็น อะไรที่อยากทำมานานแล้ว แต่ลิสต์ยาวเกิน ก็เลยยังไม่ได้เริ่มสักที >*< เป็น Bakewell tart เห็นสูตร มานานแล้ว ในทีสุด คราวนี้ก็ได้ลงมือทำค่ะ

แล้วก็ต้องบอกว่า ถูกใจมากเลยค่ะ ต้องขอขอบคุณ โฮสของเดือนนี้ ไว้นะที่นี้เลยค่ะ (Thank you Jasmine of Confessions of a Cardamom Addict and Annemarie of Ambrosia and Nectar, เดือนนี้ ถือว่าเป็น Challenge ที่ดีมากเลย).

Bakewell tart จะมีส่วนประกอบ 3 ส่วนค่ะ คือ ตัวแป้งเป็น sweeten shortcrust pasty, ส่วนที่ 2 เป็น แยมค่ะ (อันนี้ต้องบอกว่า โชคดีที่ทำแยมเอง เพราะไม่งั้น ถ้าใช้แบบที่ขาย สูตรนี้ อาจจะออกมาหวาน ไปสำหรับปุ๊กค่ะ ^ ^ปุ๊กทำ Home made low sugar strawberry jam).

ส่วนสุดท้ายเป็น
Frangipane, ซึ่งมีส่วนประกอบเป็น อัลมอนด์บด, เนย และ น้ำตาล ทำง่ายมากๆเลยค่ะ แล้วก็อร่อยด้วย (ว่าไป เอามาอบกับพวกผลไม้ก็น่าจะอร่อยนะคะ )
ทำง่ายมากๆค่ะ แต่ต้องขอ โน้ตไว้ว่า ถ้าใช้แยมที่ซื้อมา อาจจะใช้แค่ ครึ่งส่วนของ ปริมาณที่ให้มาจะดีกว่าค่ะ เพราะทาร์ตจะออกมาหวานมากเกินไป แล้วก็ การเตรียมการสำหรับทาร์ต สูตรนี้ก็ไม่ยากนะคะ คือ สามารถทำแป้งไว้ก่อน แล้ว ก็ค่อยมาทำใส้ในวันที่พร้อมจะอบก็ได้ค่ะ
Bakewell tart เสิร์ฟ อุ่นๆ พร้อมกับ วิปปิ้งครีม อืม...ตอนนี้ปุ๊กหลงรัก Baekwell tart เข้าแล้วสิค่ะ

Note by dailydelicious: ถ้าพิมพ์ ทาร์ต 9 นิ้วที่มีอยู่ ก้นไม่ลึก ปุ๊กแนะนำให้ใช้ เป็น ขนาด 10 นิ้วแทนนะคะ ไม่งั้น ใส้อาจจะล้นได้ค่ะ อย่างของปุ๊กปุ๊กใช้พิมพ์ ขนาด 10 นิ้วค่ะ

The June Daring Bakers' challenge was hosted by Jasmine of Confessions of a Cardamom Addict and Annemarie of Ambrosia and Nectar. They chose a Traditional (UK) Bakewell Tart... er... pudding that was inspired by a rich baking history dating back to the 1800's in England.


Bakewell Tart …er…pudding
Makes 9 inch tart



Sweet shortcrust pastry

ใช้เวลา: 15-20 นาที
พัก: 30 อย่างต่ำ 30 นาที
อุปกรณ์ : ชาม, box grater, cling film

225g (8oz) แป้งอเนกประสงค์
30g (1oz) น้ำตาลทราย
2.5ml (½ tsp) เกลือ
110g (4oz) เนยจืด (ห่อ ด้วยอลูมิเนียมฟรอยแล้ว แช่ช่องแข็งสัก 2 ชั่วโมงก่อนใช้)
2 (2) ไข่แดง
2.5ml (½ tsp) almond extract (ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
15-30ml (1-2 Tbsp) น้ำเย็น


ร่อนแป้ง น้ำตาล และเกลือลงในชาม ขูดเนยใส่ลงไป (ใช้ที่ขูดด้านชิ้นใหญ่นะคะ)
ใช้ปลายนิ้ว ผสมให้พอเข้ากันจนเหมือนเป็น ขนมปังป่น


ใส่ไข่แดง และ almond extract (ถ้าใช้) ผสมเร็วๆ แล้วใส่น้ำลงไป
ใส่น้ำแค่พอให้แป้งทั้งหมดติดกันเป็นก้อน
ปั้นเป็นก้อน แล้วห่อด้วยพลาสติก แช่เย็นอย่างต่ำ 30 นาที


รีดแป้งให้เป็นแผ่น ความหนาประมาณ 5mm (หรือ1/4นิ้ว)
แล้ววางลงในพิมพ์ กดให้พอดี และตัดส่วนที่เกินออก
นำไปแช่ในช่องแข็ง 15 นาทีก่อนนำมาใส่ใส้

Frangipane

125g (4.5oz) เนยจืด
125g (4.5oz) icing sugar
3 (3) ไข่
2.5ml (½ tsp) almond extract
125g (4.5oz) อัลมอนด์บด
30g (1oz) แป้งอเนกประสงค์


ตีเนยและน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากัน ใส่ไข่ลงไปทีล่ะฟอง (-อันนี้ปุ๊กทำผิด เผลอใส่พร้อมกันหมดเลย 555)
ตีให้เข้ากัน (มันจะแยกนะคะ ไม่ต้องตกใจค่ะ ปรกติ) เมื่อตีไข่เสร็จแล้ว ใส่ almond extract แล้วตีอีกประมาณ 30 วินาที

ใส่อัลมอนด์บด และ แป้งลงไป ตีให้เข้ากัน (ส่วนผสมจะยังดูแยกๆอยู่ แต่ก็ยังถือว่า ปรกติค่ะ)

Assembling the tart


เปิดเตาอบที่ 200C/400F.

นำแป้งทาร์ตออกจากช่องแข็ง แล้วทาด้วยแยม
แล้วจึงราด frangipane (my tip by dailydelicious:ใช้ถุงบีบ ช่วยให้งานนี้ง่ายขึ้นค่ะ แล้วก็ ตัว frangipaneจะเกลี่ยได้ง่ายกว่าด้วย) เกลี่ยให้ทั่ว แล้วนำเข้าอบ 30 นาที โดย 5 นาทีก่อนทาร์ตจะสุก ให้ นำออกมาโรยด้วย อัลมอนด์ สไลด์ แล้วนำเข้าไปอบต่อจนสุกค่ะ

Note by dailydelicious: ทาร์ตปุ๊กสีเข้มเร็วมากเลยค่ะ แค่ 18-20 นาทีก็เริ่มมีสีแล้ว ยังไง ต้องคอยดูด้วยนะคะ ถ้าเริ่มมีสีเข้มให้ นำ อลูมิเนียมฟรอย มาปิดไว้ แล้วจึงอบต่อจยสุกค่ะ

เมื่อสุกแล้ว แป้งทาร์ตจะมีสีเหลืองทอง frangipane จะมีสีเข้ม คล้ายกับเค้กฟองน้ำ พักไว้ให้เย็นลงสักพัก แล้วเสิร์ฟอุ่นๆ พร้อมกับ ครีม หรือ custard sauce ค่ะ

เมื่อหั่นออก จะเห็นว่า ตัว frangipane จะอยู่ตัวนะคะ คล้ายเค้กค่ะ ตัวแป้งกรอบ แล้วก็ไม่เหนียวค่ะ


June 2009 Daring Bakers Challenge #31:
Bakewell Tart…er…pudding

Thursday, June 25, 2009

Chocolate Ganache Muffin with Chocolate Ganache: Double chocolate double delicious!

ช็อกโกแลตอีกแล้วค่า ว่าไป ก็คงไม่มีวันพอนะ สำหรับสูตรขนมที่ทำจาก ช็อกโกแลต 555 คราวนี้ เป็นเมนู สำหรับมื้อเช้าที่แสนอร่อยค่ะ เราจะมาเสิร์ฟมัฟฟินช็อกโกแลต พร้อมกับ กานาซอุ่นๆ กันดีกว่า

เหมือนจะงานเยอะนะคะ แต่จริงๆแล้วทำง่ายมากๆเลยล่ะค่ะ เพราะส่วนของ กานาซ ที่จะใช้ในการทำมัฟฟิน ก็สามารถ เตรียมไว้ล่วงหน้าได้ค่ะ ในขณะที่ กานาซอีกส่วน ก็ใช้เวลาไม่นาน ในการทำ สามารถทำได้ ในขณะที่ กำลังอบ ตัวมัฟฟินอยู่เลยค่ะ
รสชาติของมัฟฟิน จะเข้มข้นแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็มาจาก การที่ ใช้ช็อกโกแลต ที่มีปริมาณโกโก้ สูงหรือไม่ด้วยนะคะ คราวนี้ ปุ๊กใช้ช็อกโกแลตรสอ่อนค่ะ เป็น ชนิด 55% cocoa mass (ก็อย่างว่าค่ะ ต้องยอมรับความจริงว่า ในโลกนี้ ก็มีคนที่ไม่ชอบ ช็อกโกแลต ชนิดที่เข้มข้นมากๆ อยู่ด้วยนะ >*<) แต่ถ้าชอบจะใช้เป็น แบบ 70% ก็น่าจะให้รสชาติที่เข้มข้นไม่เลวค่ะ ตัวมัฟฟิน จะมีลักษณะ เหมือนกัน บัตเตอร์เค้กมากกว่านะคะ (ดูจากวิธีทำ ก็จะเห็นว่า เป็น เค้กมัฟฟินนะคะ) ถ้าทานตัวมัฟฟินอย่างเดียว ก็จะได้รสชาติช็อกโกแลต อ่อนๆ แต่ถ้าทานกับ กานาซด้วยล่ะก็ โอ้โห้ รสชาติเข้มข้น แล้วก็อร่อยมากเลยล่ะค่ะ เสิร์ฟร้อนๆ ตอนที่กานาซยังคงเยิ้มๆอุ่น อืม....เช้าวันใหม่ ที่แสนสดใสอีกวันค่ะ Adaptation from:偉人が愛したスイーツ―クリムとドリムの冒険 吉田菊次郎先生のお菓子レシピ


Chocolate Ganache Muffin with Chocolate Ganache
Makes 8 (6cm muffin)


Ganache for use in muffin


65 ml

Whipping cream

35g

Dark chocolate (สับ)



Muffin


100g

เนยจืด

70g

น้ำตาลทราย

ไข่

1g

เกลือ

½ tsp

Vanilla extract

210g

แป้งเค้ก

5g

ผงฟู

70ml

นม

40g

Chocolate chips

100g

Ganache (สูตรด้านบน)



Ganache for topping


50ml

Whipping cream

50g

Dark chocolate (สับ)





First make the ganache for the muffin:

นำครีมขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา แล้วเทช็อกโกแลตลงไป
คนช้า จนส่วนช็อกโกแลตละลาย และเข้ากันดี
เทใส่ถ้วย พักไว้จนเย็นสนิท


Make the muffin:

เปิดเตาอบที่ 180°C
ร่อนแป้ง ผงฟู และ เกลือเข้าด้วยกัน

ตีเนยและน้ำตาล จนเข้ากัน และสีอ่อนลง
ใส่ไข่ลงไป โดยแบ่งเป็น 2 รอบ แล้วใส่ vanilla.

ใส่ส่วนของแป้ง สลับกับนม โดยแบ่งเป็น 3 รอบ ตะล่อมให้เข้ากัน
ใส่
ganache และ chocolate chips ลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน (ไม่ต้องให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ เป็น marble นิดๆ)
เทลงในพิมพ์
นำเข้าอบประมาณ 18-20 นาที
หรือจนมัฟฟินไม่บุ๋มลงไป เมื่อแตะเบาๆ หรือเมื่อใช้ไม้จิ้มลงไป แล้วไม่มีเศษติดออกมา


ในขณะที่อบมัฟินอยู่ ทำ ganache:

นำครีมขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา แล้วเทช็อกโกแลตลงไป
คนช้า จนส่วนช็อกโกแลตละลาย และเข้ากันดี

เมื่อนำมัฟินออกจากเตา ใช้ไม้จิ้ม หลายๆที่บนหน้ามัฟฟิน
ราดหน้ามัฟฟิน ด้วยกานาซอุ่นๆ แล้วเสิร์ฟทันที พร้อมกับกานาซอีกได้ ถ้าชอบ

Chocolate Ganache Muffin with Chocolate Ganache:
Double chocolate double delicious!

Tuesday, June 23, 2009

Mini Lemon Yogurt Bundt Cake with Lemon Glaze: Small in size but big in flavor!

ก็ยังไม่หายดีนะคะ แต่ก็เบื่อ ที่จะนอนอยู่เฉยๆ แล้วค่ะ แล้วด้วยความที่ว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ได้หนังสือใหม่มา หลายเล่มทีเดียว หนึ่งในนั้นคือ เล่มนี้ค่ะ Baking and Pastry, Mastering the art and craft 2nd edition, (จริงๆ ก็มี first edition แล้วนะคะ แต่พอเขาออกใหม่ ก็คิดว่า เอ๋ เขาจะมีอะไรเจ๋งๆ ใส่เข้ามาในหนังสือ เพิ่มอีกไหมหนอ ก็เลยอดไม่ได้ค่ะ เลยต้องสอยเล่มนี้มาด้วย 555)

แต่ก็นะคะ ไว้เราค่อยพูดกัน เรื่องหนังสือทีหลังนะ ^ ^ เพราะว่า ตอนที่ดูหนังสือ ผ่านๆไป ก็เจอสูตรนี้ค่ะ เลยเกิดอาการคันมือ อยากทำขึ้นมา แต่ก็ ปรับสูตรไปพอควรค่ะ เริ่มต้นจากการที่ ไม่มีบัตเตอร์มิลล์ ปุ๊กก็เลย ใช้ โยเกิร์ตแทน แล้วก็ลด น้ำตาลลงจาก สูตรต้นฉบับไปค่ะ (ก็อย่างว่า ค่ะ ไม่ชอบทานขนมหวานจัดอ๊ะ >*<) แล้วยังเปลี่ยน ประเภทของแป้งที่เขาใช้ด้วยค่ะ (ในสูตรต้นฉบับ เขาใช้ แป้งขนมปังค่ะ แต่เราไม่ค่อยชอบ เนื้อเค้กที่ ทำจากแป้งขนมปังเท่าไหร่ ก็เลยใช้เป็น แป้งอเนกประสงค์แทน) ปุ๊กทอนสูตร แล้วก็ทำเป็นขนาดเล็ก (ตามถนัดค่า) แต่ตอนชิม ก็ยังรู้สึกว่า เค้กแห้งไป นิด เหมือนขาดอะไรไป สุดท้าย ก็เลยเอา lemon glaze มาราด อืม... แค่นี้ล่ะค่ะ ใช่เลย เค้กแบบที่เราต้องการ ทานเค้กก้อนเล็กๆ ที่รสชาติเต็มๆสดชื่นๆ แบบนี้กับน้ำชายามบ่าย แค่นี้ ก็เป็นวันดีๆอีกวันแล้ว ใช่ไหมล่ะค่ะ ^ ^


Mini Lemon Yogurt Bundt Cake with Lemon Glaze

Makes 6 (9 cm bundt cake)


For the cake


140g

แป้งอเนกประสงค์

1g

Baking soda

1g

เกลือ

75g

เนยจืด

100g

น้ำตาลทราย

1

ไข่


ผิวเลมอน จากเลมอน 1 ลูก

80ml

โยเกิร์ต รสธรรมชาติ

15ml

น้ำเลมอน



Lemon Glaze


60g

Icing sugar (ร่อน)

1-3 tsp

น้ำเลมอน



เปิดเตาอบที่ 350°F/ 177°C

ทาพิมพ์ bundt ด้วยเนย
ร่อนแป้ง, baking soda และเกลือ เข้าด้วยกัน


ผสมไข่กับผิวเลมอนเข้าด้วยกัน

ตีเนยและน้ำตาล จนเข้ากัน และสีอ่อนลง
ใส่ส่วนผสมของไข่และผิวเลมอนลงไป โดยแบ่งเป็น 2 รอบ

ใส่ส่วนของแป้ง สลับกับโยเกิร์ต โดยแบ่งเป็น 3 รอบ โดยใช้ความเร็วต่ำ

ใส่น้ำเลมอน และตะล่อมให้เข้ากัน
เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้
อบประมาณ 30-35 นาที หรือจนเค้กไม่บุ๋มลงไป เมื่อแตะเบาๆ หรือเมื่อใช้ไม้จิ้มลงไป แล้วไม่มีเศษเค้กติดออกมา
พักเค้กในพิมพ์สักพัก แล้วจึงทำออกจากพิมพ์ มาพักไว้บนตะแกรง

ผสม น้ำตาลไอซิ่งกับน้ำเลมอน โดยค่อยๆใส่น้ำเลมอนลงไปทีละน้อย จนได้ ไอซิ่งแบบที่ต้องการ
เมื่อต้องการเสิร์ฟ วางเค้กลงในจาน แล้วราดด้วยไอซิ่ง


Mini Lemon Yogurt Bundt Cake with Lemon Glaze:
Small in size but big in flavor!

Saturday, June 20, 2009

Blueberry cake with cream cheese frosting

ปุ๊กเป็นพวก หลงรักหนังสือ สวยๆค่ะ เล่มนี้ก็เหมือนกัน Hummingbird Bakery Cookbook โดย Tarek Malouf แต่ก็ต้องบอกเลยค่ะ ว่าถ้าชอบเค้กรสชาติหวานๆ เล่มนี้ก็ใช่เลยค่ะ แต่ถ้าใคร ไม่ชอบทานหวานจัด อาจจะรู้สึกว่า สูตรในเล่มนี้ จะหวานไปนะคะ

วันนี้ ปุ๊กลองทำสูตรนี้ค่ะ Blueberry cake with cream cheese frosting แต่ว่า ไม่อยากทานเยอะเกิน ก็เลยทำแค่ 1ใน6ของสูตรเขาค่ะ (ถ้าใครอยากทำเต็มสูตร ก็จะใช้พิมพ์ 10 นิ้วนะคะ) ปุ๊กก็เหมือนเคยค่ะ ปรับสูตรเขาไป โดย ลดน้ำตาล เพิ่ม sour cream แล้วก็ เพิ่ม blueberry ค่ะ
ส่วนตัว Frosting ก็ปรับไปเล็กน้อยค่ะ คือ ลดน้ำตาลลง แต่ถ้า ใครอยากทานหวานหน่อย (ซึ่งในกรณีนี้ เราเอามาทาน กับผลไม้สด ก็ถือว่า โอเคนะคะ แล้วแต่ว่า ตัวผลไม้ เปรี้ยวหรือเปล่านะคะ) ก็ใช้น้ำตาลได้ มากถึง 100 กรัมค่ะ
เค้กออกมารสชาติ และเนื้อดีทีเดียวค่ะ ทานคู่กับ Frosting และ blueberry สด ก็อร่อย อืม แล้วยังทำง่ายเหมือนเคยอีกด้วยค่ะ

Note: ถ้าทำเต็มสูตร เวลาอบจะอยู่ที่ 40 นาทีนะคะ โดยใช้พิมพ์ วงขนาด 10 นิ้ว แต่อัตราส่วนของ Frosting ไม่ต้องทำ เป็น 6 เท่านะคะ แค่ 3 เท่าพอค่ะ

Blueberry cake with cream cheese frosting
Makes 15 cm cake


Cake

60g
เนยจืด
50g
น้ำตาลทราย
1
ไข่
½ tsp
Vanilla extract
75g
แป้งอเนกประสงค์
1¼ tsp
ผงฟู
¼ tsp
เกลือ
50g
Sour cream
1½ tsp
นมสด
55g
บลูเบอรี่ (สด หรือ แช่แข็งก็ได้ค่ะ)


Frosting

60g
น้ำตาลไอซิ่ง
40g
เนย
80g
Cream cheese



บลูเบอรี่สด




เปิดเตาอบที่ 350°F หรือ 180°C.
ทาเนยและโรยแป้งที่พิมพ์ วงขนาด 15 cm
ร่อน แป้ง, เกลือ และผงฟู รวมกัน พักไว้

ใส่เนยและน้ำตาลลงในชาม ตีให้ สีอ่อนลง และฟูขึ้น
ใส่วานิลลา ตีให้เข้ากัน ใส่ไข่ แล้วตีให้เข้ากัน
เทส่วนของแป้งลงไป แล้วตีให้เข้ากัน


ใส่ sour cream นม แล้วตีให้เข้ากัน
ตะล่อม บลูเบอรี่ลงไป
แล้วเทส่วนผสมลงใน พิมพ์ที่เตรียมไว้

อบจนเป็นสีเหลืองทอง และเค้กไม่ยุบตัวเมื่อแตะเบาๆ ประมาณ 25 นาที
นำมาพักไว้จนเย็นสนิทบนตระแกรง

Make the frosting:

ตีน้ำตาลไอซิ่งกับเนย ใส่ครีมชีส แล้วตีจนฟูขาว

ทา Frosting บนเค้ก แล้วตกแต่งด้วย บลูเบอรี่สด

Blueberry cake with cream cheese frosting

Monday, June 15, 2009

Chicken Farm Bakers' Project #11 Welcome To Rain With Tart & Pie: Chocolate Custard Tart

Chicken Farm Bakers' Project #11 ของเดือนนี้มาแล้วค่ะ "Welcome To Rain With Tart & Pie" โดยน้องอิน ( อ้อมกอดของความเหงา) ค่ะ ปุ๊กก็เลยเลือกอันนี้เลย Chocolate Custard Tart ค่ะ ว่าไป ต้อนรับหน้าฝนนี่เหมาะกับเดือนนี้จริงๆเลยค่ะ
แต่ว่านะคะ อากาศช่วงนี้แย่มากๆ จริงๆล่ะค่ะ เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน โอ้ย อธิบายไม่ถูกเลย >*<.
แต่ที่บอกได้คือ ปุ๊กเริ่มไม่สบาย ตั้งกะต้นเดือน ยันตอนนี้ ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ ดังนั้น จะเห็นได้จากขนมที่ทำคือ เป็นขนม ประเภท เอาใจคนป่วย (ตัวเอง 555) ตลอดเลยค่ะ คือ ใครไม่ทานไม่ว่า ปุ๊กอยาก ก็พอ
พอมาเป็น ทาร์ต อะไร จะดีซะกว่า ทาร์ตช็อกโกแลตนิ่มๆ ที่ทานคู่กับวิปปิ้งครีม ที่หวานนิดๆ ล่ะค่ะ ทานไป ก็รู้สึกดีขึ้น (ราวกับ จะหายป่วยค่ะ ^_^)
ปุ๊กว่า ทานแล้วรู้สึกดีนะ แบบว่า ทำให้นึกถึงรักแรกค่ะ (อิอิ... ระหว่างปุ๊กกะช็อกโกแลตนะ ไม่ใช่คน 555) คือ ช็อกโกแลตเย็น กับ วิปปิ้งครีมไงคะ ตอนเด็กๆ ชอบมากๆเลย

แต่ต้องบอกว่า สูตรทาร์ตคราวนี้ จึงเป็น ความรักแบบเด็กๆค่ะ ไม่เข้มข้น หนักโกโก้แมส เหมือน สมัยปัจจุบัน ทานได้แบบเรื่อยๆค่ะ
ดังนั้น ถ้าใครไม่อยากออกไปไหนเหมือนกัน (ก็อากาศมันแย่ๆแบบนี้นิ) ลองมาทำทาร์ตสูตรนี้ด้วยกันสิค่ะ อาจจะตกหลุมรักเหมือนกันได้นะ ^ ^

The recipe came from the book name: ニューヨークスタイルのパイとタルト、ケーキの本 ( New York style pies, tarts and cakes) by Akiko Hirano

Chocolate Custard Tart
Makes 21 cm tart


Tart shell

85g

เนยจืด

1tbsp

น้ำตาลทราย

1

ไข่

½ tsp

Vanilla essence

185g

แป้งเค้ก

Chocolate filling

250ml

นมไม่พร่องมันเนย

100ml

Whipping cream

1

ไข่

75g

น้ำตาลทราย

2tbsp

ผงโกโก้

1½tbsp

แป้งข้าวโพด


เกลือเล็กน้อย

10g

เนยจืด

Topping

100ml

Whipping cream

10g

น้ำตาลทราย

ดาร์กช็อกโกแลต (ขูดฝอย)


Make the tart shell:
ตีเนยให้นิ่ม แล้วใส่น้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากัน
ใส่ไข่ และ วานิลลาลงไป ตีประมาณ 1 นาที ส่วนผสมจะเป็นลิ่มๆนะคะ

ใส่แป้งลงไป ตีจน แป้งจับตัวกันเป็นก้อน เหมือน ขนมปังป่น
ใช้มือ กดแป้งให้ติดกันเป็นก้อน
นำออกจาก ชาม แล้ว นวดเล็กน้อย ให้พอเนียน 3-5 ครั้ง
แล้วห่อ ด้วยพลาสติก นำเข้าแช่ในตู้เย็น ประมาณ 30 นาที
เปิดเตาอบที่ 180°C

ทาเนยที่พิมพ์ทาร์ต
โรยแป้งบนโต๊ะ แล้วรีดแป้งทาร์ตให้บางประมาณ 4-5 mm
ใช้ไม้รีดแป้งม้วนแป้ง แล้วนำไปวางลงบนพิมพ์ที่เตรียมไว้

ตัดแป้งให้ใหญ่กว่าพิมพ์ เล็กน้อย กดให้ให้พอดีพิมพพ์ แล้วจึงตัดส่วนที่เกินออก
แล้วใช้ส้อม จิ้มให้เป็น รู
นำเข้าอบประมาณ 15-18 นาที หรือจนเป็นสีเหลืองสวย

Make the chocolate filling:

ร่อนผงโกโก้ แป้งข้าวโพด น้ำตาล และเกลือ เข้าด้วยกัน พักไว้

ใส่ครีม และนมลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน

ขณะเดียวกัน ตีไข่จนไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันดี
เทส่วนผสมที่ร่อนไว้ลงไป แล้ว คนให้เข้ากัน
ค่อยๆเท นมและครีมที่เดือดอ่อนๆ ลงไป โดยตีด้วยที่ตีไข่ตลอดเวลา จนเข้ากันดี


เทส่วนผสมผ่านกระชอน ลงในหม้อขนาดกลาง
นำขึ้นตั้งไฟอ่อน โดยคอยคนตลอด จน ส่วนผสมข้นขึ้น
นำลงจากเตา ใส่เนยลงไป คนเบาๆ จนเนยละลาย
เทลงในแป้งทาร์ตที่อบแล้ว


นำเข้าแช่ตู้เย็น 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน

When ready to serve:

ตีวิปปิ้งครีมกับ น้ำตาล จนตั้งยอด
บีบลงบนทาร์ต แล้วโรยด้วย ช็อกโกแลต

Chicken Farm Bakers' Project #11
Welcome To Rain With Tart & Pie: Chocolate Custard Tart

Printfriendly