Monday, May 31, 2010

Rose water and white chocolate gateau: For the white chocolate lover...

พี่สาวปุ๊กชอบทานไวท์ช็อกโกแลตมากเลยค่ะ ไม่ว่า จะมาแบบไหน เป็นเค้ก เป็นคุกกี้ หรืออะไรก็ตาม เรียกว่า ถ้ามีไวท์ช็อกโกแลตอยู่ด้วยเธอพร้อมที่จะลองค่ะ 555 ปุ๊กก็เลยถือว่า เป็นงานอย่างหนึ่งของปุ๊กที่จะต้องลองสูตร ที่มีไวท์ช็อกทุกครั้งที่ได้เจอค่ะ ^ ^ 
คราวนี้ปุ๊กเห็นสูตรนี้ จากโฆษณาของช็อกโกแลต  Divine ที่ลงในนิตยสาร Olive ฉบับ March 2010 ค่ะ พอเห็นก็อยากลองมากๆๆๆเลยค่ะ แต่ก็นะ นิสัยประจำตัวคือ อยากทำไปหมดทุกอย่างล่ะค่ะ แล้วก็มีลิสต์ของที่อยากจะทำ ยาวเป็นหางว่าวเลย ก็เลยเลื่อนๆๆ ไม่ได้ทำสักที จนกระทั่งวันหนึ่งก็คิดว่า ถ้าเลื่อนไปเรื่อยๆแบบนี้ คงไม่มีวันได้ทำแน่นอนเลยค่ะ -*-

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เลื่อนไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่า ในสูตรให้ใช้ crème fraîche ด้วยค่ะ ซึ่งไม่ใช่ส่วนผสมที่จะหาได้ง่ายๆ แต่สามารถทำเองที่บ้านได้ค่ะ โดยการผสมครีมกับโยเกิร์ต แล้วก็พักให้มัน เปรี้ยวแล้วก็ข้นค่ะ 
แต่โดยส่วนตัวแล้ว เมื่อปุ๊กลองทำ แล้วเอามาใช้กับเค้กแล้ว ก็ต้องบอกว่า ไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะว่าสิ่งที่ crème fraîche ให้กับเค้กก้อนนี้ คือ รสชาติที่ออกเปรี้ยวนิดๆค่ะ เพื่อที่จะไปตัดกับความหวานของไวท์ช็อกโกแลตไอซิ่งค่ะ ดังนั้น หากว่าจะไม่ใช้ crème fraîche ก็สามารถใช้วิปปิ้งครีม ตีพร้อมกับน้ำมะนาวเล็กน้อย หรือ อีกทางคือ การใช้แค่วิปปิ้งครีมไปเลยก็ได้ค่ะ ซึ่งถ้าใช้ครีมก็จะเพิ่มความมันอร่อยให้กับเค้กสูตรนี้แทนค่ะ โดยไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็อร่อยได้เช่นกันค่ะ 
เนื่องจากว่า เค้กสูตรนี้เป็น สปองค์ ก็เลยจะไม่เหมาะกับการเก็บเท่าไหร่นะคะ เพราะถ้าเก็บไว้นานเนื้อเค้กจะแห้งค่ะ (เพราะว่า ไขมันที่มีอยู่ในเนื้อเค้ก คือ ไวท์ช็อกโกแลตเท่านั้นค่ะ)
อีกส่วน คือ น้ำกุหลาบ ถ้าไม่มีหรือไม่ชอบก็ไม่ต้องใช้นะคะ ดดยสามารถใช้วานิลลาเอสเซนต์แทนได้ค่ะ เชื่อปุ๊กเถอะค่ะว่า ความอร่อยของเค้กที่ทำที่บ้าน จะอร่อย ก็อยู่ที่เราเลือกทำ แล้วก็เลือกใช้ ในสิ่งที่เราชอบนั่นล่ะค่ะ ^ ^


White chocolate gateau
 Serves 12 



CAKE
4 ....................................... ไข่ 
125g ................................. น้ำตาลทราย
125g ................................. แป้งอเนกประสงค์
50g ................................... White Chocolate, ขูดฝอย

ICING
3 tbsps/2-3 drops .......... น้ำกุหลาบ หรือ rose essence 
150ml ............................... crème fraîche
200g ................................. White Chocolate , สับเป็นชิ้นเล็ก
75g .................................... เนยจืด
3 tbsps ............................. whipping cream 
125g ................................. น้ำตาลไอซิ่ง

ไวท์ช็อกโกแลตขูด สำหรับตกแต่ง 

เตรียมทำ Crème Fraîche ก่อนค่ะ โดยการ ผสมโยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ กับวิปปิ้งครีม 1 ถ้วย แล้วพักไว้ในอุณหภูมิห้อง (แนะนำว่า ถ้าอากาศร้อนมาก ก็เอาไว้ในห้องที่เปิดแอร์ หรืออุณหภูมิ ไม่เกิน 25 องศาซีค่ะ) 1 คืน แล้วนำเข้าแช่เย็น 1 วัน ก่อนนำมาใช้ค่ะ
เมื่อครบกำหนดแล้ว เราจะได้ ครีมข้น แล้วก็มีรสชาติเปรี้ยวค่ะ  

• เปิดเตาอบที่ 180C/fan 160C ทาเนยและวางกระดาษรองอบ ในพิมพ์ขนาด 20เซนติเมตร 2 ใบ 


ตีไข่กับน้ำตาล จนขาวฟู, ข้น และเมื่อยกหัวตีขึ้น จะเห็นเป็นทางชัด (หรือเรียกว่า ริบบ้อนสเตทค่ะ) ร่อนแป้งลงไป แล้วตามด้วย ไวท์ช็อกโกแลต แล้วตะล่อมจนเข้ากัน 
แบ่งส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าอบ 20 นาที หรือจนเมื่อแตะแล้วเค้กไม่ยุบตัวลง 
นำออกมาพักบนตะแกรง พักขนม 

When you ready to assemble:


ผสมน้ำกุหลาบกับ crème fraiche.


•ใส่ไวท์ช็อกโกแลต ลงในชาม พร้อมกับเนย แล้วนำไปว่าบนหม้อที่มี น้ำเดือดเบาๆอยู่ โดยอย่าให้ก้นชามโดนน้ำนะคะ แล้วทิ้งไว้สักครู่จนละลาย แล้วคนให้เข้ากัน
นำลงจากหม้อ ใส่ครีมลงไป ตามด้วย น้ำตาลไอซิ่ง แล้วคนให้เข้ากัน 
พักสักครู่จนส่วนผสมข้นขึ้น 


ใช้ครีมที่ผสมน้ำกุหลาบ ทาเค้กก้อน 1 แล้ววางอีกก้อนทับลงไป 
แล้วทาให้ทั่วด้วย ไวท์ช็อกโกแลตไอซิ่ง 

ตกแต่งเค้กด้วย ช็อกโกแลตขูดให้ทั่วค่ะ 


Rose water and white chocolate gateau: For the white chocolate lover...

Friday, May 28, 2010

May 2010 Daring Bakers Challenge #40: PIECE MONTÉE


Daring Bakers’ challenge, มาอีกแล้วค่ะ ต้องบอกตามตรงว่า ปุ๊กนะ ตอนเห็น โจทย์นี่ แทบลมจับค่ะ 555 ก็นะ ไม่เคยคิดนี่ค่ะ ว่าจะทำขนมแบบนี้ที่บ้าน ขนมที่ว่านั้นก็คือ the croquembouch นี่ล่ะค่ะ คำจำกัดความของมันก็คือ  "A croquembouche or croquenbouche is a French cake, a kind of pièce montée often served at weddings, baptisms, and first communions. It is a high cone of profiteroles (choux filled with pastry cream) sometimes dipped in chocolate bound with caramel, and usually decorated with threads of caramel, sugared almonds, chocolate, flowers, or ribbons. They are also often covered in macarons, a small pastry consisting of two layers and a flavored cream or ganache.
The name comes from the French words croque en bouche meaning 'crunch (or munch) in (the) mouth'.The choux buns can also be made with savoury fillings." (ข้อมูลจาก the Wikipedia ค่ะ)

ก็นะ อย่างแรกคือ เราไม่ใช่คนฝรังเศส อย่างที่ 2 ก็ยังไม่ได้คิดจะจัดงานแจ่งงานตอนนี้ค่ะ อิอิ ก็เลยไม่คิดว่า อยากจะลองทำเจ้าขนมแบบนี้สักกะที 
แต่ยังไงก็ต้องทำค่ะ เพราะถือว่าโจทย์ของ ดีบี ก็คือ คำสั่งนี่ล่ะค่ะ (ตราบใดที่ปุ๊กยังอยากจะเป็น สมาชิกของเขาอยู่ใช่ปะ) ก็เลยต้องเริ่มต้น จากการ หาข้อมูลในหนังสืออื่นๆที่มีค่ะ ก็ไปเจอว่า ถ้าเอา เจ้า Pâte Sucre มาเป็น ฐาน ก็จะช่วยให้การ เคลื่อนย้ายขนมง่ายขึ้นนะคะ แล้วปุ๊กก็มีอยู่ในตู้เย็นพอดีเลย ก็เลยเอามาใช้ค่ะ แต่ ถ้าใครไม่อยากทำ จะใช้การ ติด มันลงไป กับจานเลยก็ได้นะคะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงมีปัญหาเดียวคือ อาจจะล้างยากสักหน่อยค่ะ เพราะน้ำตาลเหนียวมากเลยทีเดียว ปุ๊กไม่ได้ลงสูตรนะคะ เรียกว่า ใครถนัดสูตรไหน ก็ใช้ตามใจค่ะ 

อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ทำขนมชิ้นนี้ ง่ายขึ้น คือ การ ทำโครงค่ะ ถึงจะมีขายอยู่ แต่ปุ๊กก็คิอว่า การทำโครงเองง่ายกว่านะคะ เพราะอุปกรณ์ที่ใช้คือ กระดาษแข็งกับอลูมิเนี่ยมฟรอยเท่านั้นเองค่ะ และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการทำโครงเอง ก็คือ เราสามารถทำไซส์ที่เราต้องการได้เลยค่ะ  ^ ^.

ขนมแบบนี้ทำไม่ยากเลยค่ะ เพราะหากมีพื้นฐานในการทำแป้งชู  พาสตรี้ครีม และคาราเมลอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำขนมชิ้นนี้ คือ ต้องระวังมากกกกกกกกกกกกกกกที่สุดค่ะ เพราะว่าการทำงานกับคารเมลร้อนๆนั้น เป็น เรื่องอันตรายเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะ การที่ใช้ คาราเมลร้อนๆติดเจ้าชูนี่ ถ้าไม่ระวังให้ดี จะไหม้มือเอาง่ายๆเลยนะคะ เพราะว่า หากมันไม่ร้อน ก็จะใช้งานไม่ได้ ปุ๊กต้องเตือนไว้ก่อนเลยค่ะ เพราะปุ๊กเอง ก็ได้ไปหลายแผลเลยนะคะ จากจากทำขนมรอบนี้  นอกจากส่วนนี้ แล้ว งานนี้ ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เพราะว่าที่บ้านปุ๊กชอบทานแอแคลร์กันอยู่แล้วค่ะ ก็เลยได้ทำบ่อยๆ หลักๆของการทำก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่ว่า ตอนอบนี่ ต้องอย่าไปมองแต่สีของตัวแป้งนะคะ เราต้องการให้มันแห้งด้วยค่ะ ดังนั้น เมื่ออบจนเริ่มมีสีอ่อนๆสวยแล้ว ให้ลดอุณหภูมิลง แล้วอบต่อไป อีก 5-10 นาทีจนมันแห้งสนิทค่ะ เมื่อเอาออกมาจากเตา เจ้าชูพาสตรี้ จะเบา แล้วก็แห้ง เท่านี้เองก็สำเร็จแล้วค่ะ  

คราวนี้ หลังจากเป็นทุกข์กับแผลพองจากเจ้าคาราเมล 555 ปุ๊กก็ยังต้องยอมรับว่า มันสนุกมากจริงๆค่ะ ทั้งอร่อย แล้วก็สวยด้วย ขอบคุณโฮสของเดือนนี้ มากเลยค่ะ (คุณCat of Little Miss Cupcake.)

The May 2010 Daring Bakers’ challenge was hosted by Cat of Little Miss Cupcake. Cat challenged everyone to make a piece montée, or croquembouche, based on recipes from Peter Kump’s Baking School in Manhattan and Nick Malgieri.



Croquembouche or PIECE MONTÉE
Make one -hight 23 cm wide 18 cm



For this PIECE MONTÉE:
เริ่มต้น ทำโครงค่ะ โดยการนำกระดาษแข็ง มาขึ้นเป็น รูปทรงกรวย แล้ว หุ้มด้วย อลูมิเนี่ยม ฟรอย 


ปุ๊กทำ Pâte Sucre เอาไว้เป็น ฐานด้วยค่ะ 

Make Crème Patissiere:

Ingredients:

1 cup (225 ml.) นมสด
2 Tbsp. cornstarch
6 Tbsp. (100 g.) น้ำตาลทราย (ปุ๊กใช้แค่ 90g) 
1 ไข่
2 ไข่แดง
2 Tbsp. (30 g.) เนยจืด
1 Tsp. Vanilla



ละลายแป้งข้าวโพดในนม ¼ cup แล้วเทนมที่เหลือ ลงในหม้อ ใส่น้ำตาลลงไป แล้วนำขึ้นตั้งไฟ จนเดือด แล้วนำลงจากเตา
ตีไข่กับไข่แดงเข้าด้วยกัน แล้วเทลงในส่วนของนมที่ผสมไว้กับแป้ง


 แล้วเทประมาณ 1/3 ของนมร้อนลงไป คน คนให้เข้ากัน แล้วเททั้งหมดลงในหม้อนม นำขึ้นตั้งไฟ อ่อน คนเรื่อยๆจนส่วนผสมข้นขึ้น และเดือด นำลงจากเตา ใส่เนยและวานิลลาลงไป  
พักจนเย็นสนิท แล้วนำเข้าแช่เย็น 



Make Pate a Choux 
(Yield:ปุ๊กทำอันเล็กนะคะ ได้ประมาณ 40 ชิ้นค่ะ)

¾ cup (175 ml.) น้ำ
6 Tbsp. (85 g.) เนยจืด
¼ Tsp. เกลือ
1 Tbsp. น้ำตาล
1 cup (125 g.) แป้งอเนกประสงค์ (ร่อน)
4 ไข่
ไข่ 1ฟอง ผสมกับเกลือเล็กน้อย เอาไว้ทาหน้า

เปิดเตาอบไว้ที่  425◦F/220◦C ปูกระดาษรองอบไว้ในถาด 


Preparing batter:


ผสมน้ำ เนย เกลือ และน้ำตาล ลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนเป็นระยะ
เมื่อส่วนผสมเดือด นำลงจากเตา แล้วเทแป้งลงไป คนให้เข้ากัน 
นำขึ้นตั้งไฟอีกสักครู่ คนเรื่อยๆ จนแป้งดูแห้งลง และไม่ติดหม้อ นำลงจากเตา  




เทลงในชาม แล้วใช้พายไม้ (ปุีกใช้ electronic hand mixer ค่ะ) ตีจนพอเย็นลงเล็กน้อย
ใส่ไข่ลงไป แล้วตีจนเข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้น  
เทส่วนผสมลงในถุงบีบ ที่ใส่หัวบีบขนาด 1 นิ้วเอาไว้ แล้วบีบออกมาเป็น ก้อนกลมขนาด  3 cm สูง 2cm 

ใช้นิ้วแตะน้ำอุ่น แล้วแตะที่แป้งชูที่บีบแล้ว เบาๆ หากมีจุก 



ทาด้วย egg wash (1 egg lightly beaten with pinch of salt).
Baking
นำเข้าอบที่ 425◦F/220◦C จนพองสวย และเป็นสีทอง ประมาณ 13 นาที

ลดไฟลงเป็น 350◦F/180◦C แล้วอบต่อจนสีสวย และแห้งลง ประมาณ 5 นาที แล้วนำออกมาพักบนตระแกรง 
เก็บไว้ในกล่อง หากยังไม่ได้ใช้งาน 


Filling:
เมื่อพร้อมที่จะประกอบ ขนม piece montée, ให้ใส่ใส้ โดยใช้ ถุงบีบ ที่ติดหัวเล็ก เจาะตัวชู แล้วบีบใส้เข้าไป แล้วพักไว้ 


Make Hard Caramel Glaze:
(ปุ๊กใช้มากกว่า 1 สูตรค่ะ)
1 cup (225 g.) น้ำตาลทราย
½ teaspoon น้ำมะนาว 



ผสมน้ำตาล น้ำมะนาว ลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟกลาง โดยไม่ต้องคน (ปุ๊กใช้วิธี หมุนหม้อเบาๆค่ะ ให้น้ำตาลค่อยๆละลายทั่วๆ) จนน้ำตาลละลายและเป็น สี amber 
นำลงจากเตา แล้วนำไปใช้ทันที

Assembly of your Piece Montée:



เพื่อการง่าย อาจจะค่อยๆลองก่อนนะคะ ว่า จะประกอบร่างแบบไหน แล้วจึงค่อยลงมือทำจริงค่ะ

เมื่อพร้อมที่จะประกอบร่าง 555 ให้จุ่มด้านบนชูที่ได้ลงในกลาซ แพัก สักครู่ แล้วจึงจุ่มด่านล่างลงในกลาซ แล้วนำไปติดกับ โคนที่เตรียมไว้ค่ะ 
ติดไปเรื่อยๆ จนเต็ม แล้วจึงตกแต่งด้วยของตกแต่งอื่นๆ หรือ ใช้แกลซโรยเป็น เส้นให้สวยงามก็ได้ค่ะ 


May 2010 Daring Bakers Challenge #40: PIECE MONTÉE

Thursday, May 20, 2010

Chocolate Friands: Quickly and easy snack for chocoholic!


ตอนบ่ายๆ เวลาง่วงๆ ได้ทานช็อกโกแลตสักชิ้น ก็ช่วยให้สดชื่นขึ้นได้เยอะเลยนะคะ แต่ว่า จะให้ทานแต่ช็อกโกแลตเปล่าๆ อยู่เรื่อย ก็คงไม่น่าสนใจ วันนี้ เราเลยมาแปลงร่างช็อกโกแลต เป็นขนมชิ้นเล็กๆ อร่อยๆกันเถอะคะ  

แต่คราวนี้ ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำของยากๆ หลายๆขั้นตอนค่ะ แค่อยากได้ของอร่อยๆ ง่ายๆ ^ ^ แต่ก็มีข้อแม้เล็กน้อยตรงที่ ปุ๊กมี ไข่ขาวอยู่เยอะมากในตู้เย็นค่ะ (ผลจากการทำไอศครีมบ่อยๆๆๆๆๆมาก) ก็เลยอยากจะหาสูตร ที่จะช่วย กำจัดไข่ขาวออกไปบ้าง ก็ถึงเวลาหาสูตรค่ะ 555 แต่ก็นะ ไม่ยากอะไรค่ะ หยิบมาเล่มแรกก็เจอเลย 
เป็น หนังสือ:Simple Essentials Chocolate ของ Donna Hay, หนังสือ เล่มบางๆ ที่เต็มไปด้วยไอเดียอร่อยๆ ที่มีช็อกโกแลตอยู่เต็มๆค่ะ ๆ  ^ ^.
friand สูตรนี้ ทำง่ายมากๆเลยค่ะ วิธิทำ มีแค่อย่างเดียวคือ คนๆๆๆๆ ทุกๆอย่างให้มันเข้ากัน แล้วก็เทใส่พิมพ์ ง่ายดีไหมล่ะคะ ปุ๊กปรับสูตรนิดเดียว คือ แค่เพิ่ม อัลมอนด์สับเข้าไป เพื่อให้มีอะไรให้เคี้ยวมากขึ้นเท่านั้นค่ะ (ถ้าใช้พิมพ์แบบปุ๊กก็โรยด้านล่่างก่อนอบนะคะ แต่ถ้าใช้พิมพ์ มัฟฟินธรรมดา ก็เอาโรยด้านหน้าแทนค่ะ) 

งั้นตอนนี้ มีสูตรขนมง่ายๆอยู่แล้ว จะรออะไรกันอยู่คะ มาเข้าครัว ทำขนมด้วยกันนะคะ แค่คนๆแป๊บเดียวก็ได้ ขนมอร่อยๆมาทานเล่นกันแล้วค่ะ ^ ^

Adaptation from: Simple Essentials Chocolate





Chocolate friands
Make 16 (4.5x7x2.5 molds)


110g ................................. อัลมอนด์บด
250g ................................. น้ำตาลไอซิ่ง,ร่อน
75g .................................... แป้งอเนกประสงค์, ร่อน
30g .................................... ผงโกโก้, ร่อน
½ tsp ................................ ผงฟู
5 ฟอง................................. ไข่ขาว
200g .................................. เนย, ละลาย
............................................ อัลมอนด์สับ สำหรับโรย 

เปิดเตาอบที่ 160°C (320°F)
ถ้าใช้ พิมพ์โลหะ ให้ทาเนยให้ทั่วเตรียมไว้ค่ะ
(เพราะปุ๊กใช้พิมพ์ซิลิโคน เลยไม่ต้องทาเนยนะคะ แล้วปุ๊กก็โรยอัลมอนด์ไว้ในพิมพ์ค่ะ) 


ใส่อัลมอนด์ น้ำตาลไอซิ่ง แป้ง ผงโกโก้ และ ลงในชาม แล้วคนด้วย ตะกร้อมือให้เข้ากัน


ใส่ไข่ขาวลงไป แล้วคนให้เข้ากัน แล้วตามด้วย เนยละลาย คนให้ทั้งหมดเข้ากัน


เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าอบ ประมาณ 15-20 นาที หรือ จนเมื่อแตะเบาๆด้านบน แล้วขนมไม่ยุบตัวลงไป 


Chocolate Friands: Quickly and easy snack for chocoholic!

Sunday, May 16, 2010

Chicken Farm Baker's Project 22: In love with Bagels, Bagel Burgers with caramelized onion.


เวลาสำหรับ Chicken Farm Baker Project มาอีกแล้วค่ะ คราวนี้ น้องจิ๊บ อยากให้พวกเราเล่นสนุก กับเจ้าขนมปังมีรู เบเกิ้ลนี่ล่ะค่ะ เพราะจิ๊บ ต้องการให้เราทำขนมปังเบเกิ้ล แล้วก็ เอามัน มาทำเป็น ขนมหรือ ของกิน แบบอื่นด้วยค่ะ  ^ ^.

จริงๆ ปุ๊กเคยทำเบเกิ้ลมาก่อนนะคะ เมื่อนานมาแล้วล่ะค่ะ แต่รอบแรกที่ทำผลออกมาแย่มากเลยค่ะ เหนียวมากๆๆๆๆ แข็ง แล้วก็แน่นสุดๆค่ะ เลยทำให้ไม่อยากลองทำอีกเลยค่ะ  -*- คราวนี้ พอจิ๊บบอกว่าให้ทำเบเกิ้ล ปุ๊กแอบเครียดค่ะ 555 แบบว่า หวังว่าคราวนี้ จะทำออกมาดีกว่ารอบที่แล้วนะ
ปุ๊กเลือกทำสูตรจากหนังสือ BAGEL&BAGELオリジナルレシピ集―We Love Bagel! 超人気べーグル専門店のとっておき133レシピ、初公開 โดยปรับสูตร ไปนิดหน่อย โดยการเพิ่มน้ำ และน้ำผึ้งเข้าไป แล้วก็สำเร็จค่ะ คราวนี้ เบเกิ้ลของปุ๊ก ออกมาเหนียว (แต่ไม่เหนียวแบบเคี้ยวไม่ได้นะ อิอิ) นุ่ม  ทำให้รู้สึกดี กับการทำเบเกิ้ลที่บ้านขึ้นมาอีกเยอะเลยค่ะ  ^ ^.
พอทำเสร็จ ก็ต้องมานั่งคิดแล้วล่ะค่ะ ว่า จะเอาไปทำเป็น อะไรดี แต่พอดีว่า มี แฮมเบอร์เกอร์อยู่ในตู้เย็น (ปุ๊กทำไว้ทีนึง 2 สูตร แล้วก็แช่ช่องแข็งไว้ค่ะ เป็น อะไรที่ง่ายมากเลย แล้วก้เวลาไม่รู้จะทานอะไรก็เอาออกมาทอด แป๊บเดียวเอง ก็ได้อาหารเย็น อร่อยๆแล้วค่ะ) ก็เลย เอาแบบนี้ แล้วกัน เพราะถ้า ขนมปังอร่อย มาเจอ กับ แฮมเบอร์เกอร์ อร่อยๆ ก็คงจะแปลงร่างเป็น เบอร์เกอร์อร่อยๆได้ล่ะค่ะ 

แล้วปุ๊กก็เริ่ม โดยการหั่นขนมปังเป็น 2 ส่วน นำไปปิ้งเล็กน้อย แล้วจึงวางด้วย ผักร็อกเก็ต caramelized onion, มะเขือเทศ แล้วบีบ Dijon mustard ลงไป ปิดท้ายด้วย เจ้า แฮมเบอร์เกอร์ และชีสค่ะ

ขนมปังเหนียวนุ่ม ทำให้เบอร์เกอร์ อร่อยมากขึ้นมากเลยค่ะ ปุ๊กแนะนำว่าให้เสิร์ฟพร้อมกับเบียร์เย็นๆ หรือ ถ้าใครจะตามแบบปุ๊ก ก็นี่เลยค่ะ เจ้าBarcardi ขวดเล็กๆเย็นๆนี่ล่ะค่ะสุดยอดเลย, ^ ^.

Bagel Burger with caramelized onion
Makes 4


Plain bagel

250g ............................. แป้งขนมปัง
1tsp .............................. Instant yeast
½ tsp ........................... เกลือ
15g ................................ น้ำตาล
1 tbsp ........................... น้ำผึ้ง
150ml ........................... น้ำ
....................................... ไข่ขาว สำหรับทา

-Water for boiling
2 litre ........................... Water
2tbsp ........................... Honey

Hamburger 
(makes 4)

300g ........................... เนื้อสับ (ตามที่เลือกนะคะ เป็น หมู, ไก่, เนื้อวัว หรือ หลายๆอย่างผสมกันก็ได้ค่ะ)
½ ................................ หอมใหญ่, สับ
30g ............................. เนย
15g .............................. ขนมปังป่น
2tbsp .......................... นม
1 .................................. ไข่
½ tsp ......................... เกลือ
..................................... พริกไท, ลูกจันทร์ป่น  

Caramelized onion

2tbsps .......................... น้ำมัน 
½ cup .......................... หอมแดง ซอย
1..................................... หอมใหญ่, สับ
8tbsp ............................ Balsamic vinegar
1½ tbsp ....................... น้ำตาลทรายแดง 
....................................... เกลือ สำหรับปรุงรส

....................................... ผักร๊อกเก็ต, มะเขือเทศ, และ Dijon mustard, สำหรับเสิร์ฟ
....................................... ชีสแผ่น 

First make the bagel:


ผสมน้ำกับน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน 

ผสมแป้งขนมปัง และเกลือ เข้าด้วยกัน แล้วใส่ น้ำตาล และยีสต์ลงไป
เทส่วนของน้ำลงไป 
ใช้พายยางหรือช้อนคันใหญ่คนให้ส่วนผสมเข้ากัน นวดเล็กน้อยให้แป้งจับตัวรวมกัน
นำก้อนแป้งออกจากชาม นวด โดยใช้อุ้งมือดันแป้งไปด้านหน้า แล้วม้วนกลับ กลับด้านแป้ง 90 องศา แล้วนวดแบบเดิมต่อโดยดัน (อย่าลืมทิ่งน้ำหนักลงไปด้วยนะคะ)และม้วนกลับ เป็นจังหวะสม่ำเสมอนวดประมาณ 10-15 นาที (ขึ้นอยู่กับการออกแรงของแต่ละคนค่ะ) (ดูรูป ที่นี่ค่ะ).
นวดจนแป้งเนียนนุ่ม, ยืดหยุ่นดี และ shiny แปลว่านวดได้ที่แล้วค่ะ หรือสามารถเช็คโดได้อีกวิธีคือการใช้มือจับโด แล้วนับ 1-10 หากไม่มีเศษโดเละๆติดมือออกมาก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ โดพร้อมที่จะรอขึ้นรอบแรกแล้ว


ใส่โดลงในชาม แล้วคลุมด้วยผ้า หรือ ปิดด้วย พลาสติก พักไว้ 10 นาที
เตรียมถาดไว้ โดยวางรองด้วยกระดาษรองอบ หรือ  silpat (Note: ตัวเบเกิ้ลค่อนข้างติดถาดค่ะ)
กดแป้งลงเบาๆ แล้วตัดแป้งเป็น 4 ชิ้น ปั้นเป็น ก้อนกลม แล้วพักไว้ อีก 10นาที 
เปิดเตาอบที่ 190°C


รีดแป้งเป็น แผ่นกลม แล้ว ม้วนเป็น แท่ง


คลึงให้ยาว ประมาณ 20 เซนติเมตร แล้ว กดริมด้านหนึ่งให้แบน แล้ว จับปลายสองด้าน มาชนกัน แล้ว กดให้ติดกัน สอดมือลงไป แล้วคลึงให้เรียบ วางลงบนถาด แล้วคลุมด้วยผ้าชื้น หรือถุงพลาสติก แล้วพักไว้จนขึ้น ประมาณ 20-30 นาที จนขึ้นเล็กน้อย (ไม่ถึง 2 เท่านะคะ)



ต้มน้ำ ในหม้อ พร้อมกับน้ำผึ้ง จนเดือด แล้วลดไฟลง นำเบเกิ้ลลงต้ม ประมาณด้านล่ะ 15 วินาที แล้วกลับด้าน ต้มอีก 15 วินาที แล้วตักขึ้นวางลงบนถาดที่เตรียมไว้
ทาด้ายไข่ขาว
นำเข้าอบ 15นาที จนสีน้ำตาลสวย 

Make the hamburger:


Note: ในรูปปุ๊กทำ 2 สูตรนะคะ .

ตั้งกระทะ ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่เนย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่หอมใหญ่ลงไป ผัดจนหอมนิ่ม แต่ ไม่เป็น สีน้ำตาล
ใส่ ส่วนผสมลงในชาม ใช้ มือ คลุกให้เข้ากัน ใส่นม แล้วคลุกอีกรอบ  ปรุงรสด้วย เกลือ และลูกจันทร์ป่น



ปั้นเป็นก้อน 4 ก้อน 
ใส่เนยลงกระทะ ทอดจนสุก (ใช้เวลา ประมาณ 5 นาที ต่อข้างค่ะ) หรือ จนสุกทั่ว 

Make the caramelized onion:



ตั้งกระทะไฟอ่อน แล้วใส่น้ำมันลงไป แล้วใส่หอม ทั้ง2 ชนิดลงไป แล้วผัดจนนิ่ม แต่ไม่เกรียม
เริ่งไฟ ให้หอมใหญ่ เป็น คาราเมล ใส่น้ำส้มสายชู และ น้ำตาล ลงไป ต้มไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมข้นขึ้น และ เหนียว

Make the Bagel Burger:


ตัดเบเกิ้ล แล้ว ปิ้งประมาณ 5 นาที (หรือมากกว่านั้นตามชอบค่ะ ^ ^).
วางร็อกเก็ต, caramelized onion, มะเขือเทศ และบีบ mustard ลงไป วางทับด้วย แฮมเบอร์เกอร์ และชีส แล้วปิดด้วย ขนมปัง 

เสิร์ฟอุ่นๆ พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆ (เช่น Bacardi Breezer 555 ของชอบของปุ๊กค่ะ)


Chicken Farm Baker's Project 22: In love with Bagels, Bagel Burgers!

Printfriendly