Saturday, November 25, 2017

ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 6-7 กินขนม ดื่มกาแฟ ที่ซัปโปโร

 ขนมหวาน ตอนสายๆ ที่ Kinotoya cafe

เราเริ่มต้นวันแรกในซัปโปโร โดยการเดินไปหากาแฟ อร่อยๆ กินกันค่ะ 

หากอยากอ่านวันที่ผ่านๆมาคลิกที่นี่นะคะ:
ไปเที่ยวกับเดลี่, อาหารเช้าตอนสายๆ กับโดราเอมอน และโบกี้รถไฟส่วนตัวของพวกเรา
ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 2 กิน และไม่หยุดกิน ที่โอบิฮิโระ
ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 4 วิวสวยๆ ในสายฝน
ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 5 ไปเที่ยวสวนสัตว์และเก็บผลไม้กัน




 จริงๆ มีร้านที่อยากไปลองเยอะมากนะคะ แต่เพราะตอนนี้ เราไม่มีรถแล้ว ก็เลยต้องเลือกไปร้านที่เราสามารถเดินไปได้แบบง่ายๆหน่อย 



ร้านกาแฟ ร้านเล็กๆ ที่เราเดินไปก็คือ ร้าน バリスタート コーヒー (Baristart coffee).

baristartcoffee.com +81 11-215-1775
ที่อยู่ไม่ไกลจาก สวน โอโดริเท่าไหร่ค่ะ



สิ่งที่พิเศษที่สุดของร้านนี้ก็คือ นอกจากกาแฟ จะอร่อยแล้ว ร้านนี้ ยังให้เราเลือกนม ที่เราจะใส่ในกาแฟของเราได้ด้วย ก็อย่างที่รู้กัน ว่าปุ๊ก เป็นคนที่ดื่ม กาแฟ ลาเต้เป็นอาชีพ 555 พอมาเจอร้านแบบนี้ ก็มีความสุขสุดๆ ค่ะ




โดยนมที่ให้เลือก เป็น นมของฮอกไกโด โดยมาจาก 3 แหล่ง ซึ่ง แต่ล่ะที่ก็จะมีรสชาติ และความข้นมัน ต่างกันไป 




ก็นะ ด้วยความที่เราได้ไป โทคาชิมา แล้วยังติดใจรสชาตินมที่แสนอร่อยของที่นั้น ปุ๊กก็เลยตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วค่ะ ว่า ต้องเป็นนม โทคาชิ เท่านั้น อิอิ
เจ้าของร้าน และพนักงานน่ารักมาก ชวนเราคุยใหญ่เลย เราก็เลยเล่าเรื่องการเดินทางของเราให้เขาฟัง คุยไปหัวเราะไป อืม... เป็น ยามเช้าที่ดีจริงๆค่ะ พอเธอส่งกาแฟให้ ปุ๊กก็เอื้อมมือยกกล้อง ในขณะนั้นเอง เธอก็หยิบกาแฟ กลับไปถ่ายรูป บ้าง 555 เลยขำกันทั้งคู่ เลยยังไม่ต้องกินกาแฟแล้ว ถ่ายรูป แล้วก็โชว์รูปที่ต่างคนต่างถ่ายกันไปมา สนุกสนานมากค่ะ  ^^.




กาแฟอร่อย, ร้านสวย, คนชงกาแฟ น่ารัก ขอแนะนำเลยค่ะ ว่า ถ้าไปซัปโปโร คอกาแฟ ต้องไม่พลาดที่นี่ 
ปล. นอกจาก กาแฟ อร่อยๆ แล้ว ที่นี่ยังมีถ้วย และอุปกรณ์การชงกาแฟ น่ารักๆ ให้เสียตังค์กันด้วยนะคะ 




หลังจาก เติมพลังด้วยกาแฟ แล้ว เราก็เดินกลับมาทาง สวนโอโดริ เพื่อที่จะไป ร้าน Kinotoya cafe ในตึก Odori Bisseกันค่ะ

ที่ตึก Odori Bisse, มีร้านให้เลืกทานได้หลายร้านเลยนะคะ โดยมีร้าน Bocca (ボッカ), Snaffles (ペイストリー スナッフルス), Machimura Farm (町村農場), Tsukisamu anpan honpohonma (月寒あんぱん本舗), และ Kinotoya (洋菓子 きのとや).


เซ็ตใส้กรอก และซุปจากร้าน Bocca

บริเวณนี้ จะเป็นร้านแบบบริการตัวเอง ตอนที่ไปถึงคนเยอะมากค่ะ ยังดี ที่เราได้ที่นั่งแบบพอดีๆ เลย 


ชุดอาหารเช้าจาก  Kinotoya

พวกเราเที่ยวกันแบบไม่กำหนดเวลานะคะ เลยเรื่อยเปื่อยกันตลอด 555 ก็นะ นั่นคือจุดหมายที่แท้จริงของการท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอคะ การได้พักผ่อน และมีความสุขกับสิ่งที่เราได้พบเจอ



หลังจาก อื่มอร่อยกับอาหารเช้าก็ถึงเป้าหมายหลักของเราค่ะ ขนมหวานจากร้าน คิโนโทยะ หรือ ที่อยากลองสุดๆ ก็คือ ชีสทาร์ตนั่นเอง เพราะตอนที่ลงเครื่องมา เห็นคนต่อคิวเยอะมาก ก็เลยต้องลองให้ได้  


 เอาล่ะค่ะ ได้มาแล้ว ขอชิมหน่อยนะ


สรุปง่าย ว่า อร่อยนะคะ แต่ไม่ว้าวเท่าที่คิด (หรือตั้งความหวังมากไป) คือ ถ้าจะให้เลือกขนมหวานได้ชนิดนึง ระหว่างชีสเค้ก Letao กับอันนี้ ก็ขอเลือกเป็น Letao ค่ะ จบการรายงานข่าวแต่เพียงเท่านี้ อิอิ  



 แต่อันนี้สิค่ะ ที่อร่อยผิดคาดมาก คือ ตอนแรกซื้อเพราะกล่อง



แต่พอชิมคุกกี้ข้างใน โอ้ย อร่อยอะ เป็นคุกกี้บางๆ ที่ทำจาก เนยฮอกไกโด ที่มาพร้อมกล่องแบบRetro ซื้อเป็นของฝากของกินเอง ก็ถูกใจๆ ค่ะ



หลังจากกินอาหาร (ขอเรียกอาหารกลางวันล่ะกัน) เราก็เดินซื้อของ Zakka ที่มีขายอยู่ บริเวณตึกค่ะ เป็นงานทำมือน่ารักๆ ได้ของฝากมาเพียบเลยทีเดียว  



ถึงเวลาเดินย่อยอาหารล่ะ เราเดินเล่นที่ สวน โอโดริกันค่ะ สำหรับใครที่มีเวลา จะขึ้น Sapporo Covered Wagon Tours เพื่อชมเมืองก็ดีนะคะ แต่พวกเรา อยากแค่เดินไปเรื่อยๆค่ะ 


สวนโอโดริ เป็นสวนที่อยู่ กลางใจเมือง แบ่ง เป็น 13 บล็อก ดดย แต่ล่ะบล็อกก็จะมีตึก หรืองานแสดงอยู่ 



โดยเป็นที่ที่ใช้จัดงานเทศกาลหลักๆ ของซัปโปโร ไม่ว่าจะเป็น  Snow Festival, Lilac Festival ispring, YOSAKOI Soran Festival, ลานเบียร์ และ Autumn Festival, แต่เราช่างไปในเวลาที่ถูกต้อง คือ ไม่มีเทศกาลไหนจัดอยู่เลยค่ะ 555 


แต่ก็นะ อากาศดีขนาดนี้ เราจะคิดอะไร เดินเล่น ถ่ายรูป และเล่นสนุกกันดีกว่า

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมากค่ะ 555 ปุ๊กชอบการไปเที่ยวเอง ก็เพราะแบบนี้นะคะ เราอยากจะอยู่ที่ไหนนานๆ ก็อยู่ไป ไม่ต้องไปกังวลเรื่องเวลานัก ในที่สุก เราก็เริ่มเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ ไปหากาแฟกินกันอีกสักแก้วล่ะกัน  



เดินไปไม่ไกลจาก สวน โอโดริ ก็ถึงร้านนี้ค่ะ 
 ATELIER Morihiko (アトリエモリヒコ)
+81 11-231-4883
morihiko-coffee.com


 ร้านคนเยอะมากนะคะ แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบ เราเดินดูของที่วางขายอยู่สักครู่ แล้วก็ได้ที่นั่งค่ะ 


 โดย ที่นี่มีทั้งกาแฟ อาหารเบาๆ และของหวานค่ะ 



ร้านดีมากนะคะ บรรยากาศดี แต่ขอเตือนไว้ก่อน สำหรับใครที่อยากจะมา หากไม่ได้มีเวลาเยอะๆ หรือรีบ ไม่แนะนำเลยค่ะ เพราะเรารอนานมากกกกกกก กว่าจะได้ อาหารและกาแฟ แต่เพราะเราไม่ได้เครียดอะไร บวกกับการที่เราอยากนั่งพักอยู่แล้ว เลยมีความสุขดีค่ะ  



แต่การรอคอย ก็คุ้มค่านะคะ เพราะ กาแฟอร่อยมากค่ะ ถึงขนาด ต้องเดินไปซื้อเม็ดกาแฟ กลับบ้านกันเลยล่ะ  ^^.


 Mashed potato toast จานนี้ ก็อร่อย จนต้องกลับมาลองทำที่บ้าน


Affogato (アッフォガード)





ข้างๆ ร้าน (อยู่ในบริเวณเปิดโล่งด้วยกัน) มีสินค้า Zakka (ที่ค่อนข้างแพง) ขายอยู่ด้วยค่ะ ของสวยนะคะ แต่เพราะปุ๊กไม่อยากจะกังวล กลัวของแตกหักเวลาเดินทางกลับ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรค่ะ 




เพราะเราจองร้านอาหารไว้ ตอน 5 โมงเย็น (เร็วมากนะคะ แต่เป็น เวลาเดียวที่ทางร้านมีที่ว่างให้เรา) เราก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก่อนถึงเวลาจอง พอใกล้ๆ ถึงเราก็เรียกแท็กซี่ แต่คนขับ ทำหน้าแปลกใจ แล้วบอกเราว่า ใกล้ขนาดนี้ จะขึ้นแท็กซี่ทำไม 555 เราก็เลยเชื่อเขา แล้วเดืนไปที่ร้านแทนค่ะ 



เอาล่ะค่ะ เรามาซัปโปโรกับเพื่อร้านนี้เลย (มั้ง 5555)
ร้าน Umi Hachikyo Bettei Oyaji (海味 はちきょう 別亭 おやじ )
โดยคุณพี่สาวอยากทานมากนะคะ ปุ๊กจองร้านนี้ ตั้งแต่ตอนอยู่ Asahikawa แต่ร้านเต็มมากนะคะ พนักงานที่รับจอง บอกเราว่า เขาให้เราได้แค่ที่ตรง เคาเตอร์ ดังนั้น หากอยากมาทาน แนะนำให้จองล่วงหน้าหลายวันหน่อยนะคะ 



เราได้เข้าไปนั่งตรงที่แคบๆ ของเคาเตอร์ มีที่ให้วางของน้อยมาก ไม่เป็นไรค่ะ เราพร้อมที่จะกินให้หมด แบบไม่ต้องวางค่ะ 



เอาล่ะ พอเข้าโหมดพักผ่อน ก็ขอดื่ม High ball สักแก้วนะคะ   ^^.



ส่วนแก้วนี้ เหล้าบ๋วย ของคุณพี่สาวค่ะ



ขอบอกก่อนว่า ไม่สามารถจำชื่ออาหาร หรือราคาได้นะคะ  555 เอาเป็นว่า ขอลงรูปให้ดูล่ะกัน



เพราะสิ่งที่บอกได้จริงๆ ก็คือ มันอร่อยค่ะ  



จุดมุ่งหมายของเราคือ เมนูนี้ค่ะ はちきょうつっこ飯 (ข้าวหน้าไข่ปลาซัลมอน), จริงๆอยากจะสั่งชามใหญ่นะคะ (แบบว่า ตะกละอะ) คุณพนักงานก็น่ารักมากค่ะ มองหน้าเรา แล้วเดินไปเอาชามทั้ง 3 ขนาด ให้ดู 555 แล้วบอกว่า อย่างพวกเรา 3 คน สั่งแค่ขนาดกลางก็พอ



จานนี้ถือเป็น จานเด่นของร้านนะคะ แล้วก็เป็นจานโชว์ด้วย เพราะเวลาที่เขาเอามาเสิร์ฟ เขาจะเอาชามข้าว มาวางก่อน แล้วพนักงานก็เดินมาตักไข่ปลาในชาม พร้อมตะโกนรับกันทั้งร้าน เขาจะตักไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไข่ปลาล้น และร่วงออกมาค่ะ อิอิ 



Zangi Fried chicken (はちきょう特製 鶏ザンギ)

 毛ガニ 一杯

 Salmon Sashimi

 Ama ebi
อาหารอร่อยมากนะคะ แต่คิดว่า ครั้งหน้า จะจองให้เร็วกว่านี้ ^^ เพราะถ้า จองโต๊ะ จะนั่งสบายกว่านี้ แล้วก็คงจะรู้สึกสนุกกว่านี้ค่ะ 

เอาล่ะ อิ่มกันสุดๆ แล้ว (เรากินอาหาร เท่ากับคน 5 คนได้นะคะ) ตอนนี้ เราต้องเดินเล่นกันก่อนล่ะค่ะ ไม่งั้น คงจะนอนไม่ได้แน่ๆ  


ถ้าใครชอบการ์ตูน มังงะ หรือเกม, มาถึงซัปโปโรแล้ว ก็ยังมีที่ให้แวะไปนะคะ  Animate Sapporo, ปุ๊กเดินหลงอยู่ในร้านนานเลย แล้วก็ได้ของออกมาเยอะทั้งๆ ที่ตั้งใจว่า รอบนี้จะไม่ช็อปเอยะแล้วนะเนี่ยะ 5555

ก่อนจะเดินกลับไปโรงแรม เราแวะไปชมความงามของซัปโปโรยามค่ำคืนกันที่  Sapporo TV tower (さっぽろテレビ塔)
tv-tower.co.jp



โดยเสียค่าเข้าชม 780 เยน เราก็จะได้ขึ้นลิฟท์ไปถึง observation deck 



เช่นเดียวกัน วิวของที่นี่ จะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาที่เข้าชม และฤดูกาลด้วยค่ะ เพราะหากมาในช่วงฤดูหนาว เราจะได้เห็น วิวเทสกาลหิมะจากมุมสูง นะคะ
มีของที่ระลึกน่ารักๆ ขายเยอะมากค่ะ เราก็เลยได้กลับมาอีกแล้ว 
ตอนเดินกลับโรงแรม คุณหลานบอกว่า อยากมาอีกรอบตอนกลางวัน ^^ ก็นะ เราไม่มีทางมีเวลาพอสำหรับการเที่ยวค่ะ 



ตอนนี้ 9.30 โมงเช้า หลังจาก เดินถามทาง (พนักงานที่ร้าน Kita kitchen น่ารักมากนะคะ พอเดินไปถาม ก็ทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่ แล้ว พาเราเดินมาถึงร้านนี้เลย) เราก็มาถึงร้าน แซนวิช Saera (さえら) เพื่อที่จะทานอาหารเช้ากันค่ะ 



หลังจากเข้าคิวบริเวณบันได (ร้านนี้อยู่ชั้นใต้ดินค่ะ) สัก 10 นาที เราก็ได้ที่นั่งแล้ว 


Special Salmon Cream cheese sandwich (スペシャルサーモンサンド )

มีแซนวิชให้เลือกทานหลายแบบมากนะคะ และชิ้นใหญ่มาก 555 แบบว่า ทำใจยากมาก เพราะอยากลองไปหมดเลย 
ราคา จะอยู่ที่ 630-700 เยนต่อ 1 จานนะคะ 


King crab meat with ham (タラバカニ&ハム)

 Egg with fried corn (卵 &とうもろこしカツ)

Fruit and fried shrimp  (フルーツ &えびカツ)

สุดท้ายเราก็สั่งมาทั้งหมด 4 อย่างค่ะ (สำหรับคน 3 คน 5555) แซนวิชอร่อยนะคะ ขนมปังหอมนุ่ม, ใส้ก็รสชาติดี แต่..... แนะนำว่า สั่ง 1 จานต่อ 1 คน ดีที่สุดค่ะ เพราะมันใหญ่จริงๆ พอทานไม่หมด จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยค่ะ 


 หลังจากเราทานอาหารเช้า (เอ๋ หรืออาหารกลางวัน) ตอน 11 โมง เราก็เริ่มเดินกันค่ะ วันนี้ เราจะเดินชมเมืองกันนะคะ  



ที่แรกที่เราแวะไป คือ  Sapporo Clock Tower, (札幌時計台 Sapporo Tokeidai).
ที่ก่อสร้างเสร็จใน วันที่ 16 ตุลาคม ปี 1878, โดยวันที่เราไป เป็นวันที่ 16 ตุลาคนพอดี เราเลยได้ เข้าไป แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ 


ใครรู้จักนักร้องวงนี้บ้างไหมเอ่ย "Kobukoro" เป็นวงโปรดของปุ๊กนะคะ โดยเขามีเขียนเพลงที่มีหอนาฬิกาอยู่ในเนื้อเพลงด้วย 

โดยที่นี่ มีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงถึงประวิติของหอนาฬิกา และเมืองซัปโปโรที่ชั้นล่าง 



ส่วนด้านบน จะจัดแสดงเกี่ยวกับตัวนาฬิกา 





และมี ฮอล์ ที่ใช้ในงานต่างๆ และบางครั้งก็มีการจัดคอนเสิร์ตที่นี่ด้วย



ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ แนะนำให้ข้ามถนน แล้วขึ้นบันไดไปชั้นบนของตึกที่อยู่ตรงข้ามนะคะ จะได้ภาพคู่กับหอนาฬิกา แบบงามๆ เลย 




ไม่ไกลจากหอนาฬิกานัก เราเดินไป Former Hokkaido Government Office (北海道庁旧本庁舎) กันค่ะ .



 บ่อน้ำ สวยๆ ด้านหน้า



โดยที่นี่ เป็น ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว และก็มีการจัดแสดงเดียวกับประวัติศาตร์ และห้องสมุด  


 The parting of William S. Clark

โดยรูปที่ดังที่สุดของที่นี่ คือรูป การเดินทางกลับของ William S. Clark"  Dr. Clark, ที่อยู่บนหลังม้า แล้วกล่าวคำพูดที่เป็น อมตะ กับนักเรียนที่มาส่ง
ที่ Shimamatsu คือ 
"Boys, be ambitious! 
Be ambitious not for money or for selfish aggrandizement, 
not for that evanescent thing which men call fame. 
Be ambitious for that attainment of all that a man ought to be."
เรามักจะได้ยิน แค่ Boys, be ambitious!  แต่อันนี้คือ ข้อความเต็มๆนะคะ 


 The Governor's former office room

แต่บอกก่อนว่า นิทรรศกาลที่จัดไว้ ส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น (มีภาษาอังกฤษน้อยมากค่ะ) หากไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย อาจจะรู้สึกเบื่อได้นะคะ ^^".


เอาล่ะค่ะ ออกเดินกันต่ออีกหน่อย จุดหมายของเราต่อจากนี้คือ มหาวิทยาลัยฮอกไดโดค่ะ 
แต่ก่อนจะไปถึงที่หมาย คุณหลานก็หมดแรงแล้ว งั้นเราพักกันก่อนแล้วกัน 


ทางที่จะไปมหาวิทยาลัย มีร้าน  "Rokkatei", โดยที่นี่เป็น Rokkatei Sapporo honten (六花亭 札幌本店), หรือร้านใหญ่นะคะ 
โดยสามารถจนั่งทานขนม และอาหารว่างบนชั้น 2 ของร้านได้ หรือถ้าที่เต็ม ก็สามารถซื้อเครื่องดื่ม และยืนทาน ที่บริเวณชั้น 2 นี้ได้เช่นกัน (มีโต๊ะ แต่ไม่มีเก้าอี้ให้ยืนทานได้)



Kurikintsuba (栗きんつば)
เพราะช่วงที่ไป เป็นช่วงที่ เกาลัดกำลังอร่อยนะคะ ปุ๊กเลยเลือกซื้อขนมที่ทำจากเกาลัด หลายๆ แบบเพื่อนำขึ้นไปทานด้านบนค่ะ 
ด้านในของKurikintsuba (栗きんつば)
แนะนำที่สุดสำหรับช่วงใบไม้ร่วงนะคะ ต้องไม่พลาดขนมที่ทำจากเกาลัดจริงๆ

Kurikinton (栗きんとん)

แล้วปุ๊กก็เจอของโปรดชิ้นใหม่ค่ะ เป็นขนมที่มีส่วนผสม แค่ 2 อย่างคือ น้ำตาล และเกาลัดเท่านั้น 
Kurikinton  (栗きんとん), ทั้งความหวาน, ความมัน มันพอดีแบบไม่น่าเชื่อค่ะ กินเสร็จ อยากเดินลงไปซื้ออีกชิ้นเลย 555


Chestnut with cream and rum (新栗シャンテリー)

ถ้ามีโอกาสไปฮอกไกโดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้องลองกันให้ได้นะคะ โดยขนมที่ทำจากเกาลัด ส่วนใหญ่จะมีขาย ถึงแค่กลางเดือน หรือ ปลายเดือนตุลาคมค่ะ


Chestnut potage (栗のポタージュ) (390 yen)

ไม่ใช่แค่ของหวาน เรายังได้ลองซุปเกาลัด ที่มีรสชาติเกาลัดจัดๆ และเค็มนิดๆ อร่อยมากๆ อีกเช่นกันค่ะ 


Earl grey premium cheesecake (アールグレイのプレミアムチーズケーキ) (400yen)

ชีสเค้กแบบพรีเมี่ยม ที่ใช้เวลาอบนาน สองชั่วโมงครึ่งก็อร่อยไม่แพ้ใครค่ะ เพราะมันริซมาก แต่เนื้อกลับเบานุ่ม อืม.... ทานเพลินเกินไปนะ 


Strawberry parfait (ストベリーパフェ) (580yen)

ถ้วยสุดท้ายเป็น  Strawberry parfait, ที่อร่อยง่ายๆ จาก รสชาติเข้มข้นของครีม และความหวานซ่อนเปรี้ยวของสตรอเบอรี่ เอาล่ะค่ะ ได้พลังงานขนาดนี้ ก็พร้อมที่จะเดินต่อแล้ว 



มหาวิทยาลัยฮอกไกโด Hokkaido University (北海道大学) เป็นที่ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะมาเดินชม ความงามของต้นไม้ ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาลนะคะ 



ด้วยความที่เราไปในช่วงกลางเดือนตุลาคม ใบไม้ยังเปลี่ยนสีไม่หมด แต่ก็สวยไม่น้อยค่ะ 



หากจะเดินชมให้ทั่ว ต้องใช้เวลาเยอะนะคะ ไม่งั้น จะไม่สนุกกับการเดิน และถ่ายรูปไปเรื่อยๆ 



หลายๆ คนแนะนำให้ปุ๊กลองไปทานอาหารที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ทำค่ะ เพราะพอมาถึง ก็ไม่อยากจะวางกล้องเลย 



พอเห็นแบบนี้ ก็อยากมาอีกรอบในช่วงเวลาอื่นของปีนะคะ เพราะทั้งสีของต้นไม้ และท้องฟ้า คงไม่เหมือนแบบนี้ค่ะ 



Ginkgo Avenue(イチョウ並木)


และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องจาก ซัปโปโรไปแล้วค่ะ เวลาแค่ 2 วัน น้อยมากนะคะ แต่พอถามตัวเอง ต่อให้อยู่นานกว่านี้ ก็คงยังไม่พออยู่ดี 



เพราะยังมีที่ ที่เราไม่ได้ไป สิ่งที่เรายังไม่เคยรู้ และของที่เรายังไม่ได้ลอง อีกมากมาย การท่องเที่ยว เลยเป็นสิ่งที่ไม่มีวันจบ เราต้องทำมันไปตลอดชีวิตล่ะค่ะ



เราขึ้นแท็กซี่กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้ว เดินทางไป ที่สถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปจุดหมายต่อไปของเรา คือ  Otaru เพื่อไปแช่ออนเซนที่นั่นค่ะ 


Matcha Manju (抹茶まんじゅう)
ได้เครื่องดื่ม และขนมเล็กน้อย เพียงแค่ 30 นาที เราจะจากเมืองใหญ่เพื่อไป โอตารุ เมืองเล็กๆ น่ารัก ที่มีเสน่ห์อีกแห่ง
ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 8-9 ซาชิมิ, กิโมโน และของหวาน

No comments:

Post a Comment

Printfriendly