Sweet Potato (スイートポテト), from Cranberry (クランベリ) |
วันนี้ เราจะออกจาก โอบิฮิโระแล้วค่ะ แต่ก่อนจะออกไป ปุ๊กยังมี ร้านที่ต้องตามไปกินอีก 2 ร้าน
หากอยากอ่านวันที่ผ่านๆมาคลิกที่นี่นะคะ:
ไปเที่ยวกับเดลี่, อาหารเช้าตอนสายๆ กับโดราเอมอน และโบกี้รถไฟส่วนตัวของพวกเรา
ไปเที่ยวกับเดลี่: ฮอกไกโด วันที่ 2 กิน และไม่หยุดกิน ที่โอบิฮิโระ
ร้านแรก คือร้าน แครนเบอรี่ (クランベリー本店) ที่โด่งดังเรื่องขนมมันหวานค่ะ (スイートポテト)
ร้านอยู่ที่ クランベリー 6 Chome Nishi 2 Jōminami, Obihiro-shi, Hokkaidō 080-0012 +81 155-22-6656
ร้านนี้ ตั้งมาตั้งแต่คศ.1972 และขนมมันหวาน Sweet Potato (スイートポテト) ของที่นี่เป็นขนมที่ใครมาโอบิฮิโระ ต้องไม่พลาดค่ะ
ถ้าซื้อไปทาน ก็จะต้องซื้อแบบทั้งชิ้นนะคะ ซึ่งราคา ก็จะตามน้ำหนักของแต่ล่ะชิ้นค่ะ แต่หากทานที่ร้าน เราสามารถสั่งเป็น เซ็ตได้ โดยราคาอยู่ที่ 480 yen รวมเครื่องดื่มค่ะ ซึ่งจะมีจำนวนจำกัดในแต่ล่ะวัน
นอกจาก ขนมมันหวานแล้ว ยังมีขนมหวานชวนทานอีกหลายอย่างนะคะ
เราเดินมาถึงร้านแต่เช้า เพราะกะว่าจะกินขนมหวานเป็นอาหารเช้ากันเลยล่ะค่ะ 555
พวกเรา ก็เลยสั่ง เค้กเซ็ต (450yen พร้อมเครื่องดิ่ม) 2 เซ็ต, เซ็ตมันหวาน 1 เซ็ต แล้วก็เค้กอีก 1 ชิ้นค่ะ
カンヌベルシュフロマージュ(Cranberry with Fromage blanc) 281yen
Cranberry's Mont blanc (クランベリーのモンブラン) 205yen
และStrawberry Millefeuille (苺のミルフィーユ) 216yen
ขนมทุกอย่างอร่อยมากนะคะ (คิดไม่ผิดจริงๆ ที่มา) โดยเฉพาะเจ้าขนมมันหวาน ขอบอกว่า อร่อยมากกกกกกก แบบ กไก่ล้านตัวจริงๆ มันไม่หวานจัด เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ทานเพลิน จนอยากจะทานอีกชิ้นขึ้นมาในทันทีเลย
ถ้าไม่คิดว่า ยังมีขนมและของกินอยู่เยอะ ก็อยากจะลองขนมอบที่ใส่อยู่ในกล่องสวยๆ ด้วยค่ะ แต่ถ้าซื้อไปแล้วทานไม่หมด ก็รู้สึกไม่ดี เลยตัดใจดีกว่า เพราะเรายังมีอาหาร และขนมให้ทานอีกเยอะมากค่ะ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เดินกลับไปเอารถที่ โรงแรม แล้วก็เริ่มเดินทางค่ะ
แต่ก่อนหน้านั้น เราขับจาก โรงแรมไป ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไปแวะที่นี่ก่อน ร้าน ทากาฮาชิมันจู 高橋まんじゅう屋 (Takahashi Manju)
〒080-0801 Hokkaidō, Obihiro-shi, 東1条南5丁目19−4
+81 155-23-1421
ตอนแรก ก็คิดอยู่ว่า จะลองหรือไม่ลองดีนะคะ เพราะที่ร้านเหล้าที่ไปทานอาหารเย็นเมื่อวาน บอกว่า ธรรมดา 555 เราก็คิดตลอดคืนเลย แต่สุดท้ายคิดว่า มีโอกาสมาแล้ว จะไม่ลองได้ไง
ธรรมดาแล้ว จะมีคนต่อแถวซื้อตลอด แต่เพราะเราไปแต่เช้า (มาก) ก็เลยเข้าไปซื้อแบบสบายๆค่ะ สำหรับร้านนี้ ของแนะนำคือ โอบังยากิ Obanyaki (大判焼き 120yen) ขนมแป้งทอด ที่ร้านนี้มีขายอยู่ 2 ใส้คือ ถั่วแดง และชีสค่ะ
พอซื้อเสร็จ เราก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถ เห็นทุกคนที่มาซื้อนั่งกินเจ้า โอปังยากิในรถ เราเลยรีบเลียนแบบค่ะ 555
พอกินทันทีถึงเข้าใจว่า มันอร่อยที่สุดก็ตอนนี้ล่ะค่ะ แป้งอุ่นๆ กับชีสยืดๆ ที่มีความเค็มๆ หวานๆ อร่อยมากๆๆๆๆๆ
ปุ๊กชอบใส้ชีสมากนะคะ ส่วนใส้ถั่วแดง รู้สึกว่าใส้จะหวานเกินความชอบของเราไปหน่อย ดังนั้น หากมีโอกาส แนะนำให้ลองทานโอบังยากิใส้ชีส แล้วคุณจะติดใจค่ะ 555
หลังจากได้รับของหวาน (และพลังงานมากมาย) เราก็พร้อมเดินทางแล้วค่ะ วิว 2 ข้างทางสวยมากๆ อยากถ่ายรูปให้ดูจัง
บรรยากาศเปลี่ยนไปมาตลอดค่ะ บางทีมีฝน บางทีมีหิมะ เป็นการนั่งรถ 2 ชั่วโมง ที่ไม่เบื่อเลย เพราะมีอะไรให้ดู ตลอดเวลา
ในที่สุด เราก็ถึงที่หมายแรกค่ะ Mikuni Pass (三国峠), จริงๆ ปุ๊กตั้งความหวังไว้ว่าจะมาถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ เพราะเห็นในเน็ตมาเยอะมาก(ลองเสิร์จดูนะคะ Mikuni Pass (三国峠) ว่าสวยแค่ไหน) แต่เพราะฝน และหิมะ ทำให้ทัศนียภาพแย่มาก มองอะไรไม่เห็นเลย -*-.
แต่หิมะที่นี่ ก็สวยไปอีกแบบนค่ะ ถึงจะไม่ได้รูปแบบที่คิด แต่ก็ได้ความประทับใจเช่นกัน
เราตั้งใจกันว่า จะมาทานอาหารกลางวันที่ Mikuni Cafe (三国峠café)
(+81 1564-2-4291), เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่อยู่บนมิคูนิค่ะ
อากาศหนาวแบบนี้ ขอเครื่องดื่มร้อนๆ มาทำให้อุ่นใจและกายกันก่อนนะ
อยากจะบอกว่า บรรยากาศในร้าน น่ารัก และอบอุ่นมากๆ ค่ะ
เข้ามานั่งแบบสบายๆ แล้วเจ้าของร้าน ก็มารับออเดอร์ค่ะ
คุณพี่สั่งชาร้อน 600yen. อยากจะบอกว่า จานชาม อุปกรณ์น่ารัก ไปหมด
ส่วนของคุณหลานเป็นโกโ้ก้ร้อน (600yen) ที่มาพร้อมลายกระต่ายน่ารัก
ปุ๊กจะสั่งอะไรไม่ได้ นอกจาก ลาเต้ 580yen,ค่ะ 555 ที่มีเจ้าหมีน้อยเกาะหัวใจอยู่ในแก้ว โอ้ยน่ารักมาก
หลังจากอุ่นอร่อย กับเครื่องดื่มแล้ว ก็ถึงเวลาจานหลักนะคะ
อาหารที่มีให้สั่งคือ ข้าวราดแกงกะหรี่ (カレーライス) ค่ะ ที่มีอยู่ 5 แบบ ซึ่งน่าทานทุกแบบเลยเชียว ^^.
คุณพี่สาวตัดสินใจเอาเป็นข้าวราดแกงกะหรี่ พร้อมโครอกเก็ต (コロッケカレー 950yen)
ส่วนปุ๊กกับหลานใจตรงกัน สั่งเป็นข้าวราดแกงกะหรี่ ที่มาพร้อมใส้กรอก 5 แบบค่ะ (5種のソーセージカレー 1200yen).
ถ้าอาหารมีแค่แกงกะหรี่ ก็แน่ใจกันได้เลยค่ะ ว่า แกงกะหรี่ที่นี่อร่อยมาก อิอิ
ตามที่กล่าวนะคะ หลังจากกินข้าวหมดจาน เราก็ซื้อของเล็กๆ น้อย เพราะที่นี่มีงานทำมือเก๋ๆ ที่บางอย่างไม่มีวางขายที่อื่นด้วย (จะซื้อต้องขึ้นเขามานะเธอ ^^)
ตามเคยค่ะ ร้านไม่ได้กว้าง แต่ของที่วางดู ทำให้อยากซื้อไปหมด แต่หลังๆ เริ่มทำใจได้ (บ้าง) นะคะ
มาสเตอร์น่ารักมากๆๆๆๆๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนจะจ่ายตังค์ บอกให้เราเลือกโปสการ์ดกันคนล่ะใบ (เป็นโปสการ์ด ที่ขายอยู่ในร้าน) เพราะเขาอยากให้ เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อยค่ะ รู้สึกอุ่นในหัวใจขึ้นมาอีกแล้ว
วิวสวยมากนะคะ แต่พอมาดูรูป กับรู้สึกว่า มันทำไมไม่สวยแบบเดียวกับที่เราดูด้วยตาเราเลย
แต่จะว่าไป มันอาจจะเป็นเรื่องของความรู้สึกก็ได้ค่ะ ที่ทำให้ประทับใจ เพราะขนาดมาถึงที่นี่ เราก็ยังเจอคนน่ารักๆ ที่ทำให้หัวใจเราอบอุ่นจริงๆ เลย
ตอนเดินผ่านจะกลับไปขึ้นรถ เจอคู่หนุ่มสาวกำลังปั้นตุ๊กตาตัวนี้อยู่ เลยขอเขาถ่ายรูป มันน่ารักๆ จังเลยค่ะ ^^.
เอาล่ะค่ะ เดินทางต่อกันดีกว่า ฝน และหิมะ ยังคงรอคอยเราอยู่
จริงๆ อากาศแบบนี้ ไม่เหมาะกับการดูวิวเท่าไหร่นะคะ แต่เราก็ยังคงทำตามแผนเดิมคือการขึ้นไป ที่ Mt.Kurodake 大雪山層雲峡・黒岳ロープウェイ(Daisetsuzan Sounkyo · Kurodake Ropeway).
ทัศนวิสัย แย่มากนะคะ -*-.
มองไปได้ไม่เท่าไหร่เลย
แต่อย่างที่ปุ๊กบอกค่ะ ความงามบางครั้งก็ไม่ได้เป็นแบบเดียวกันหมด เพราะในความมัว ก็สวยไปอีกแบบ
ที่พูดได้แบบนี้เพราะ ถ่ายรูปไปเยอะมาก 555
รูปด้านบนนี้เป็นรูปที่ชอบมากที่สุดนะคะ ให้ความรู้สึกเหงา แบบแปลกๆ เป็นรูปที่ถ่ายได้ ในชั่วขณะที่เมฆเลื่อนไป แล้วเราเห็นภูเขาด้านหลังค่ะ
เนื่องจากมีฝนตก จากที่คิดว่า จะออกมาขาวๆ ก็เลยสีแปลกๆ แบบนี้ค่ะ
เราอยู่กันบนนี้ ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้รูปมาเยอะเลย
เพราะพระอาทิตย์ตกเร็วมากนะคะ ฟ้าเลยเริ่มมืดแล้ว
เราเลยตัดสินใจที่จะเดินทางไป อาซาฮิคาวะ โดยไม่แวะที่ไหนเพิ่มค่ะ
คิดว่า แบบนี้ต้องมีรีรันค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ คุโรดาเคะ ^^.
เราจะใช้เวลาอีกประมาณ 1.20 ชั่วโมง เพื่อไปถึงAsahikawa.
และเราก็มีปัญหากับคุณ Navi อีกแล้วค่ะ -*-.
เพราะโรงแรมที่เราจองไว้ เป็นโรงแรมใหม่ (รูทอินแกรนRoute-Inn Grand Asahikawa Ekimae (ホテルルートイングランド旭川駅前)) เลยยังไม่มีข้อมูลในระบบ นำทาง พอเราหาก็เจอแต่ Route-Inn Hotel งงๆ อยู่หลายรอบ เราก็ตามทางไป โดยไม่รู้ว่า ผิดโรงแรม
เวลาครั้งนี้สั้นกว่าตอนเช้า แต่เพราะข้างทางมืดหมด ไม่มีอะไรให้ดู เลยรู้สึกว่า มันนานๆๆๆๆ แต่ในที่สุด เราก็ไปถึง อาซาฮาคาวะ และเข้าไปที่ โรงแรมค่ะ
อย่างที่เล่าให้ฟังว่า ครั้งนี้ เจอคนน่ารักๆ เยอะมาก พนักงานของโรงแรมรูทอิน ก็เป็น อีกคน ที่เราจะไม่ลืมค่ะ
ปุ๊กเดินเข้าไปที่เคาเตอร์เช็คอิน พนักงานที่เคาเตอร์ บอกว่า ผิดโรงแรม แล้วก็อธิบายทาง แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะเหนื่อยหรืออะไร ยิ่งฟังก็ยิ่งงง 555 แต่ก็เดินออกมา เพราะยังไงก็ต้องไปต่อค่ะ แล้วทันใดนั้นเอง ฮีโร่ของเราก็เดินมา
เขาเดินมาบอกเราว่า เดี๋ยวเขาจะนำทางไป เราก็นึกว่า เขาจะขึ้นรถมากับเรา แต่เปล่าค่ะ เธอเดินกลับไปที่จอดรถ แล้วขี่จักรยานออกมา ว้าว เท่ห์ อะ
เราก็เลยมีจักรยานนำทาง จนไปถึงโรงแรม ไม่ใช่แค่นำทางมานะคะ เขามาช่วยเราขนกระเป๋า (และของอีกเยอะมาก) เพราะว่าเราต้องเอารถเข้าที่จอดรถอัตโนมัติก่อนไปเช็คอิน จริงๆ ว่าจะกระโดกอดสักที แต่เกรงใจเขาค่ะ ^^.
แล้วเราก็ได้พักผ่อนสักที
ถ้าใครไป อาซาฮิคาวา แนะนำโรงแรมนี้เลยค่ะ ใหม่, แล้วก็ห้องกว้างมาก อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ และ อีอนแถมพนักงานยังบริการดีด้วย
Route-Inn Grand Asahikawa Ekimae (ホテルルートイングランド旭川駅前)
+81 50-5847-7720
route-inn.co.jp
〒070-0030 Hokkaidō, Asahikawa-shi, Miyashitadōri, 8 Chome, 1962-1
จองมา 3 คน แต่ได้ ห้องกว้างๆ แบบ 4 เตียงค่ะ
หลังจากพักสักครู่ก็ถึงเวลากินอาหารเย็นล่ะ
เราเดินฝ่าฝนไปไม่ไกลจากโรงแรม เพื่อไปกินราเมงที่ร้านไบคูเคน Baikouken (梅光軒 旭川本店)
จริงๆ มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอย่างนึงในทริปนี้ค่ะ เพราะเราไปกัน 3 คน แต่ทุกครั้งที่สั่งอาหาร ทำไมต้องสั่ง 4 ที่ตลอด 555 เป็นทริป ที่กินแหลกจริงๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ เราสั่ง
1. Shoyu Ramen (醤油ラーメン1050 yen)
2. Miso Ramen (味噌ラーメン1050 yen)
3. Salt Ramen (塩ラーメン 1050 yen)
4. Rice with Onsen egg and stir fried pork (温玉そぼろ丼 350 yen)
แต่สรุปง่ายๆ ก็ตะกละล่ะค่ะ 555 เพราะอย่างที่ร้านนี้ ถ้าสั่งแบบขนาด ครึ่งชาม (900 yen,) ก็น่าจะอิ่มเหมือนกัน แต่กลับเลือกสั่งขนาด ธรรมดา
温玉そぼろ丼 |
พรุ่งนี้ เราจะไปขับรถเที่ยวกันที่ บิเอะ (Biei -美瑛町) เพื่อไปชมบ่อน้ำสีฟ้า (blue pond,) สวนดอกไม้ และน้ำตก ถึงจะยังไม่ได้เอารูปมาโชว์ แต่อยากจะบอกไว้ก่อนเลยค่ะ ว่าทุกๆที่ สวยมาก ถึงอากาศจะไม่ได้เป็นใจเลยก็ตาม 555
ไว้คอยติดตามกันต่อนะคะ
No comments:
Post a Comment