Sunday, November 25, 2018

Travel with dailydelicious, Historical EATING (and something else) : Kyoto 2018 part 1


ทำไมปุ๊กถึงชอบไปเที่ยว ถ้าจะพูดไป ก็มีเหตุผลมากมายค่ะ แต่เหตุผลแรกที่ทำให้ต้องออกไปตามที่ต่างๆ ก็คงเป็นเพราะ มีหลายๆ อย่างที่เรา ต้องไปพบเจอเอง เพราะภาพถ่ายหรือเรื่องเล่า ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด 
อ่านโพสต่อไปได้ที่:
Travel with dailydelicious, Historical EATING (and something else)  : Kyoto 2018 part 2




เมื่อเดือนตุลาที่ผ่านมา ปุ๊กไปญี่ปุ่นอีกรอบค่ะ (คือ คุณพี่สาวกับเจ้าหลานสาว ชอบญี่ปุ่นมากๆ นะคะ) โดยครั้งนี้ เรามีการตั้ง theme ไว้ว่า เราจะไปทานตามร้านที่มีอายุเก่าแก่เกิน 100ปี ให้ได้หลายๆ ร้าน และไม่ต้องแปลกใจค่ะ ว่าร้านที่มีอายุเก่าแก่แบบนี้มีเยอะมากนะคะ 



ครั้งนี้ ไปโดยใช้บริการของ Malaysia Airline แทนการใช้การบินไทยเหมือนทุกครั้งนะคะ เพราะราคาตั๋วโอเคมาก โดยเราต้องไปต่อเครื่องที่ มาเลเซียค่ะ



ถ้าไม่มีปัญหาว่า เครื่องดีเลย์ไปประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะสภาพอากาศตอนออกจากเมืองไทย เราก็คงมีเวลาพักที่ มาเลเซีย ประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะต่อเครื่องนะคะ 
เพราะเราบินชั้น business เราก็เลยไปที่  golden lounge เพื่อพักกันสักครู่ แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากค่ะ -*- เพราะมันไกลจากทางออกขึ้นเครื่องมาก พอเราออกจาก golden lounge  เราเลยต้องรีบวิ่ง แต่ปุ๊กสะดุดก็เลยล้มลงไป แรงมาก พอลุกขึ้นมา อย่างแรกที่เห็นคือ ฟิลเตอร์หน้าเลนน์แหลกละเอียด คือ ไม่ได้จะบอกว่า ตัวเองมีตังค์อะไรนะคะ แต่เพราะรักกล้องมากก็เลย ยอมจ่ายเงินซื้อฟิลเตอร์แพงๆ พอเห็นแบบนี้ น้ำตาจะไหลเลยค่ะ แต่ไม่มีโอกาสได้ร้องไห้ 555 เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำคือ หันไปปลอบหลาน ว่าไม่เป็นไร เพราะเจ้าหลานสาว เห็นปุ๊กล้มลงไปแล้วตกใจมากค่ะ 



ยังดีที่เราสามารถมาถึงเครื่องบินได้ทันเวลาค่ะ
เอาล่ะค่ะ ถึงจะผ่านความตกใจ และตื่นเต้นแค่ไหน เราก็พร้อมที่จะไปญี่ปุ่นกันแล้ว 



เนื่องจาก เราจะไปเกียวโตกันเป็นที่แรก เราจึงไปลงเครื่องที่ Kansai airport  โดยเครื่องของเรา ถึงญี่ปุ่น ตอนประมาณ 05.40น ค่ะ
ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแบบรวดเร็ว เมื่อเอากระเป๋าออกมาด้านนอก มองเวลาแล้ว ก็แค่ 6.50 น ร้านอะไรๆ ก็ยังไม่เปิดนะคะ แต่ก็หิวแล้วล่ะ เลยขอพึ่ง Lawson ที่สนามบินก่อน โดยอาหารเช้าของเราเลยเป็น Premium roll cake (プレミアム ロールケーキ )เค้กนุ่มๆ ใส้ครีมตูมๆ อร่อยมากค่ะ 



เรารอจน air port bus office เปิด เพื่อที่จะซื้อตั๋วไปเกียวโตกัน โดยจากที่นี่ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ



ลงจากรถบัสที่หน้าสถานีเกียวโต เราก็เดินไปโรงแรมกันค่ะ ครั้งนี้ โรงแรมที่เราไปพักมีชื่อว่า
22 PIECES  Japan, 〒601-8001 Kyōto-fu, 京都市南区 Minami-ku, Higashikujō Muromachi, 東九条室町9-4

เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่เพิ่งสร้างใหม่ ที่แต่ล่ะห้องจะมีครัวเล็กๆ ที่เราสามารถจะทำอาหารได้จริง และเรายังสามารถยืมของใช้เก๋ๆ น่าใช้จาก ฟร้อนไปใช้ได้ด้วย 



เราจองไว้ 3 คืน เราเลยได้นอนในห้อง  studio with living area room 2 คืน และ studio with loft beds 1 คืนค่ะ



ห้องพักกว้างมาก และครัวที่อยู่ในห้อง ยังมา พร้อมอุปกรณ์แบบพร้อมทำอาหารเลย 



ซื้อของเข้ามาทำกับข้าวได้แบบสบายๆค่ะ 



เพราะมีของใช้พร้อมเลย



แต่เพราะตารางของพวกเราพลาดไปจากที่คิดไว้นิดหน่อย เราเลยไม่มีโอกาสได้ทำอาหารเองนะคะ 



แต่ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ ^^.



ถ้าใครไปเกียวโตพร้อม ครอบครัว หรือเพื่อนหลายๆ คน แนะนำมากๆค่ะ โดยเฉพาะ หากชอบที่จะพักใกล้ๆ กับเกียวโตสเตชั่นนะคะ



เอาล่ะค่ะ เรากำลังจะเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ล่ะ แต่ก่อนหน้านั้น ขอตัวไปซื้อฟิลเตอร์ของเลนน์ก่อนแล้วกัน 555 จุดหมายแรกของเรา เลยเป็น Big Camera สาขา Kyoto stationค่ะ
โดยระหว่างที่เดินไป คุณพี่สาวก็สะกิดบอกว่า นี่ ร้านกาแฟที่อยากมาไม่ใช่เหรอ ใช่จริงๆค่ะ เพราะหัวสมองไม่มีอะไรนอกจากฟิลเตอร์ เลยเดินผ่านร้าน Kurasu Kyoto แบบไม่รู้ตัวเลย
552 Higashiaburanokōjichō, Shimogyō-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 600-8235, Japan
+81 75-744-0804



มาถึงหน้าร้านแล้ว จะปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงคะ เราเข้าไปซื้อกาแฟ อร่อยๆ กินกัน 



โดยร้านนี้ นอกจากจะมีกาแฟ อร่อยๆ แล้ว ยังมีอุปกรณ์ชงกาแฟเก๋ๆ ให้เลือกซื้อกันด้วย หรือจะสั่งผ่านทางเวปไซต์ ก็ส่งทั่วโลกด้วยนะคะ 



กาแฟรสชาติอร่อย แบบกำลังดี ด้วยฝีมือของพนักงานน่ารักๆ 



เอาล่ะค่ะ มีพลังจะไปจ่ายตังค์ค่า ฟิลเตอร์อันใหม่แล้ว 5555


แต่พอไปถึง Big camera นอกจากจะได้จ่ายค่า ฟิลเตอร์อันใหม่ ยังได้ซื้อ Nintendo switch ติดมือกลับมาด้วยอีก 1 เครื่อง ราคาถูกกว่าที่เมืองไทยพอตัวค่ะ ใครชอบเล่นเกม สมควรจัดมากๆ 



ถึงเวลาที่เราจะได้ทานมื้อกลางวัน ที่จะเป็นอาหารตาม theme ที่เราวางไว้ เรามุ่งตรงไปที่  京都和久傳 
〒600-8555 京都府京都市下京区東塩小路町 烏丸通塩小路下ル東塩小路町ジェイアール京都伊勢丹 11F +81 75-365-1000
อยู่บนชั้น 11 ของอิเซตันเกียวโตสเตชั่นค่ะ



เป็นร้านที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1872, โดยมี 3 สาขา ให้เลือกไปทานกันได้


สำหรับสาขานี้ ปุ๊กเลือกเพราะจะไม่เป็นทางการมากนัก และราคาไม่โหดร้ายเกินไป ร้านนี้เสิร์ฟอาหารที่เรียกว่า Kaiseki เป็นอาหารสไตล์เกียวโตแบบดั้งเดิม โดยเน้นอาหารที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล




ปัญหาอย่างเดียวที่เราเจอคือ พนักงานใช้ภาษอังกฤษไม่คล่องนะคะ



เราสั่งอาหารกลางวัน เป็นแบบเซ็ตที่จะมี 5 จาน (รวมของหวาน) 
เนื่องจากพนักงานเสิร์ฟ ไม่กล้าพูดกับเรา (คนที่รับออเดอร์ รู้ว่า ปุ๊กพูดญี่ปุ่นได้  แต่พนักงานเสิร์ฟไม่รู้) พอเสิร์ฟไปเรื่อยๆ ก็มีการวางอาหาร แบบผิดเซ็ตค่ะ 555 



แต่พวกเราไม่ได้คิดมาก เพราะชิมของกัน และกันอยู่แล้ว แค่ขำๆ นิดหน่อย



เป็นการทานอาหารสไตล์เกียวโตแบบนี้ครั้งแรก รสชาติของอาหาร จะต่างจากอาหารญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย เค็มน้อยกว่า และมีรสชาติหลากหลายกว่า (มีเปรี้ยว หรือหวานเข้ามาเพิ่ม) ปุ๊กชอบมากๆ ค่ะ แต่ถ้าใครชอบทานอาหารรสจัด อาจจะรู้สึกว่า จืดไป 



อิ่มอร่อยกัน ก็พร้อมเดินแล้วค่ะ 




จากสถานีเกียวโต เดินไปไม่ไกลก็ถึงวัด Higashihonganji Temple ,
東本願寺 Japan, 〒600-8505 Kyōto-fu, Kyōto-shi, Shimogyō-ku, Tokiwachō, 
七条上る常葉町754 Karasuma Dori



โดยตั้งใจจะมาถ่ายรูปที่นี่ค่ะ วันนี้อากาศดี และฟ้าก็สวย 



โดยในหอ Goeidō Hall สวยและสงบมากนะคะ แต่เนื่องจากไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปด้านใน ถ้าใครอยากรู้ว่าสวยแค่ไหน คงต้องเข้าไปดูเองค่ะ  






เกียวโตทาวเวอร์: มองจาก Higashihonganji Temple.


ถ่ายรูปไปเยอะมาก (แต่ไม่ได้เอาลงมาให้ดูหมดนะคะ เพราะกลัวจะเบื่อกันก่อน) 
ก็ถึงเวลาทานของหวานยามบ่ายแล้วล่ะค่ะ



ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเกียวโต ก็อยากจะมาร้านนี้นะคะ  Patisserie S (パティスリー・エス)
Japan, 〒600-8425 Kyōto-fu, Kyōto-shi, Shimogyō-ku, Hanjōchō, 
高辻通室町西入繁昌町300-1 カノン室町四条1F 
+81 75-361-5521



แต่เพราะมีอะไรที่อยากทำ  และมีของที่อยากกินเยอะ เลยมาไม่ถึงสักที -*-.



ครั้งนี้ เลยจัดร้านนี้ไว้ในวันแรกเลยค่ะ!!!!



และขอบอกว่า ร้านนี้อร่อยมากๆ ร้านนึงเลย (ในความคิดปุ๊กนะ)



มีขนมให้เลือกหลากหลายมากค่ะ ตกแต่งร้านสวย บรรยากาศภายในร้านดีมาก และพนักงานก็น่ารักด้วย 



ที่สำคัญขนมอร่อยค่ะ



โดยความหลากหลายของรสชาติเป็น ข้อดีอย่างนึงของขนมของร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น ช็อกโกแลต, เบอรี่, คาราเมล และอื่นๆ 



สามารถนั่งได้นานเลยค่ะ ร้านแบบนี้ ^^.



รอบนี้ บอกได้เลยว่า ชอบPatisserie S (パティスリー・エス) ที่สุด 
เพราะนอกจากขนมที่ทานในร้านจะอร่อยแล้ว ขนมที่เราซื้อกลับมาทานที่โรงแรม ยังอร่อยกว่าที่คิดไว้ ไม่ว่าจะเป็น พายเกาลัด ที่แป้งกรอบอร่อย, มาเดอลีน ที่ริซและหอม รวมถึงคาเนลเล่ ที่รสชาติจัดจ้าน อร่อยมากจริงๆค่ะ



แต่การกินยังไม่หยุดแค่นี้ค่ะ เพราะระหว่างที่เราเดินกลับไปทางเกียวโตสเตชั่น ยังมีร้านที่ปุ๊กอยากจะแวะอีก 1 ร้าน ก็คือ ร้าน HIBI COFFEE
Japan, 〒600-8146 Kyōto-fu, Kyōto-shi, Shimogyō-ku, 
七条通河原町東入材木町460 
+81 75-276-3526 




นอกจากจะมีกาแฟอร่อยแล้ว ร้านนี้ยังดังเรื่องแกงกะหรี่ด้วยนะคะ 



แต่เรามีแผนสำหรับอาหารเย็นแล้ว ดังนั้น แกงกะหรี่จึงตกไปค่ะ เอาแค่กาแฟแล้วกัน 



เนื่องจาก เราเดินมาจาก  Patisserie S, ซึ่งค่อนข้างไกลนะคะ ตอนนี้ ไม่สามารถจะดื่ม ลาเต้ร้อนได้ค่ะ 



ก็เลยคุยกับมาสเตอร์ว่าอยากได้กาแฟ ที่ไม่ขมแรงมาก เพราะอยากจะรีเฟรสตัวเอง ซึ่งมาสเตอร์ก็น่ารักมากๆ ให้คำแนะนำเต็มที่ แล้วปุ๊กก็ได้ กาแฟเย็นที่ดริปออกมาอร่อยๆ เสิร์ฟมาในแก้วที่มีสติกเกอร์รูปหน้าของมาสเตอร์ติดมาด้วย อิอิ น่ารักดีค่ะ  

ก่อนเราจะไปทานอาหารเย็น คุณพี่สาวมีแผนจะไปช็อปปิ้ง ซึ่งหากใครชอบช็อปปิ้ง คงสามารถจะใช้เวลาทั้งวัน (หรือหลายวัน) ในสถานีเกียวโตได้ค่ะ เพราะมีร้านค้า และห้างอยู่หลายร้านเลย 
สำหรับปุ๊กช่วงนี้เป็นเวลาพักค่ะ เพราะไม่ได้กะจะซื้ออะไรอยู่แล้วรอบนี้



หลังจากได้ของถูกใจกันแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วล่ะค่ะโดยร้านที่เราจะไปทานกัน คือร้าน 
690-2 Higashishiokōjichō, Shimogyō-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 600-8216, Japan
+81 75-341-0066



เป็น Izakaya ที่อยู่ใกล้กับสถานีเกียวโต เป็นร้านเหล้าที่เน้นเสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบของเกียวโตตามฤดูกาล



ร้านบรรยากาศดี คึกคักด้วยเสียงคุย ของคนทำงาน (แต่ถ้าไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ อาจจะรู้สึกอึดอัดนะคะ) พนักงานน่ารักมากค่ะ อาหารและเหล้าก็อร่อยเชียวล่ะ  



พวกเราสั่งอาหารมาเยอะมาก ตามคำแนะนำของพนักงาน อิอิ 



แต่ที่ลองแล้วชอบมากคือ ซาชิมิเนื้อม้าค่ะ ไม่เคยลองมาก่อนเลย ทานเป็นกับแกล้มถูกใจจริงๆ มือนึงถือตะเกียบมือนึงจับแก้ว Lemon sour แบบว่า มีความสุขมากๆค่ะ 



อิ่มกันเกินอิ่ม วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ดีนะคะ




เดินกลับไปโรงแรมผ่านเกียวโตทาวเวอร์ที่เปิดไฟสว่าง ถึงเวลาพักผ่อนของพวกเราแล้วล่ะค่ะ เพราะพรุ่งนี้ ยังมีอะไรที่จะได้ทำ, ได้ดู และได้กิน รอเราอยู่กันอีกเยอะค่ะ 




Travel with dailydelicious, Historical EATING (and something else)  : 
Kyoto 2018 part 1

No comments:

Post a Comment

Printfriendly