Tuesday, July 29, 2008

Dried Apricot Shortbread Heart: A gift for friend

Shortbread อีกแล้ว, อยากจะพูดอย่างงั้นกันหรือเปล่าเอ่ย แต่จะว่าไป ปุ๊กก็มีสูตร Shortbread เยอะจริงๆล่ะค่ะ คงเป็นเพราะชอบ ก็คุกกี้แบบนี้ทำก็ง่าย หอม แล้วก็อร่อยด้วยสินะ สูตรนี้ตั้งใจทำส่งไปให้เพื่อนค่ะคุณเกด ( Pastel pied )ที่ใจดีส่งวานิลลามาให้ปุ๊กด้วย ก็เลยคิดว่าเราน่าจะใส่วานิลลาลงไปในสูตรนี้ด้วยค่ะ ตามสูตร เขาใช้ cranberry นะคะ แต่จริงๆแล้วผลไม้แห้งชนิดอื่นก็ใช้ได้ค่ะ แต่ด้วยความที่ปุ๊กชอบ แอ๊ปพริคอทแห้งนะคะ มันเปรี้ยวนิดๆแล้วก็หอมดีค่ะ แล้วมันก็เข้ากันได้ดีกับ วานิลลาด้วย สูตรนี้มาจากMartha Stewart's Cookies: The Very Best Treats to Bake and to Share อีกแล้วค่ะ ว่าไปหนังสือเล่มนี้ก็ใช้ได้เลยนะคะ เป็นหนังสือรวมสูตรคุกกี้หลากหลายสูตร (ที่มีอยู่ใน Martha Stewart's official website ค่ะ) แต่เอามาพิมพ์เป็นหนังสือแล้วปุ๊กชอบมากกว่าค่ะ เพราะไม่รู้สึกปวดตาเวลาดู


Dried Apricot Shortbread Heart

ทำได้ประมาณ 12 ชิ้นค่ะ



1 cup (2 sticks)

เนยจืด

¾ cup

น้ำตาลไอซิ่ง (ร่อนแล้ว จึงตวง)

1 teaspoon

pure vanilla extract

2 cups

แป้งอเนกประสงค์ (ร่อนแล้ว จึงตวง)


เมล็ดขูดจาก วานิลลาครึ่งผัก

½ teaspoon

เกลือทะเล

½ cup

แอ๊ปพริคอทแห้งสับละเอียด (dried apricot)




1 เปิดเตาอบที่ 160 องศา Cใส่เนยน้ำตาลไอซิ่ง เมล็ดวานิลลา vanilla extract แป้งและเกลือส่งในชาม คนให้เข้ากันด้วยช้อนคันใหญ่ (หรือจะทำแบบปุ๊กคือตีให้เข้ากันในเครื่อง) จนเข้ากัน แต่ไม่ต้อง creamy มากนะคะ ใส่แอ๊ปพริคอทแห้งสับละเอียดลงไป


2. ใส่โดลงในถาดขนาด 8 นิ้ว แล้วเกลี่ยให้ทั่ว นำเข้าอบประมาณ 30 นาที จนสีเหลืองอ่อน (อาจจะต้องใช้กระดาษฟรอยปิดนะคะ หลังจากอบไปประมาณ 20 นาทีต้องคอยดูนิดนึงค่ะ) นำออกจากเตาแล้วพักไว้ 20 นาที


3. ใช้มีดกรีดรอบๆถาด เพื่อให้ขนมหลุด นำออกจากพิมพ์ แล้วกดด้วยที่กดรูปหัวใจ ขนาด 2 นิ้ว ใช้มีดเล็กๆตัดเศษแอ๊ปพริคอทออก

Note: อันนี้ทำตอนลองสูตรนะคะ ตอนที่ส่งไปตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมค่ะ เพราะง่ายกว่าเวลาแพ็ก

Sunday, July 27, 2008

FOCACCIA STUFFED WITH HAM AND CHEESE

ใครๆก็ชอบนะคะ เวลาเอา แฮมกับชีสมารวมกัน แหมก็มันลงตัวดีนิ ขนาดแค่ทำขนมปังธรรมดา แค่ใส่มันลงไปก็ทำให้อร่อยขึ้นได้หลายเท่าแล้วค่ะ แม้กระทั่งขนมปังธรรมดาแบบ focaccia ก็ตาม สูตรนี้แปลงสูตรมาค่ะ เพราะว่าไม่มีส่วนผสมแบบเดียวกับในหนังสือ เราก็เลยเอาของที่เรามี (และชอบทานมาใส่แทน) อยากจะบอกว่าหลายๆคน ไม่ได้ลองทำของใหม่ๆ เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีของเหมือนในสูตร แต่จริงๆแล้ว ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอกค่ะ ทำแบบสบายๆบ้าง แล้วการทำขนมก็จะสนุกขึ้นมากกว่าเดิมนะคะ เพราะในการทำขนมเราก็แค่ต้องระวังเฉพาะส่วนผสมหลักเท่านั้นเองค่ะ (เช่นปริมาณของยีสต์ หรือ เกลือ ซึ่งจะมีผลต่อการขึ้นของขนมปังค่ะ) แต่ส่วนอื่นๆเช่น เราสามารถใช้แป้งขนมปังแทน Italian 00 flour ได้ หรือใช้น้ำมันมะกอกแบบธรรมดาแทน extra virgin olive oil ก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของ แฮม ,ชีส หรือ herb ที่ใช้ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจของเราค่ะ จริงๆที่อยากบอกคือ ไม่ต้องกลัวที่จะลองค่ะ เราอาจจะได้ของโปรดสูตรใหม่ก็ได้นะคะ

Adaptation from: Sue Lawrence's Book of Baking: More Than 120 Glorious Breads, Biscuits, Cakes and Tarts by Sue Lawrence

FOCACCIA STUFFED WITH HAM AND CHEESE

เสิร์ฟ 6-8 ที่



50 ml

extra virgin olive oil (น้ำมันมะกอก)

500 g

Italian 00 flour (หรือแป้งขนมปัง)

7 g

Instant yeast

1ช้อนชาพูน

เกลือ (ประมาณ 7 g)

1ช้อนชา

น้ำตาล

275-300 ml

น้ำ

150 g

แฮม

150 g

ชีส ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก

Parsley (พาสลี่)

น้ำมันมะกอกสำหรับทา


1ทำขนมปัง โดยผสมแป้ง ยีสต์ น้ำตาล และเกลือลงในชาม ผสมน้ำกับน้ำมัน แล้วเทลงในชามแป้ง ผสมให้เข้ากัน (เพิ่มน้ำได้ถ้าแป้งแห้งไปค่ะ) เราจะได้โดที่ค่อนข้างนิ่มค่ะ แล้วก็ไม่ติดชาม


2 นำโดออกจากชาม แล้วนวดประมาณ 10 นาทีจนเนียน


3 นำโดวางลงในชามที่ทาบางๆด้วยน้ำมัน ใช้ cling film ปิดไว้ แล้ววางพักไว้ในที่อุ่น ประมาณ 1 ½ -2 ชั่วโมง (หรือจนขึ้นเป็น 2 เท่า) กดแป้งลงเบาๆ แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน แล้วรีดให้ได้ขนาด 23 x 33cm/9 x 13 นิ้ว

4 วางแป้งส่วนหนึ่งลงในถาด วางทับด้วยแฮม ชีส และ พาสลี่ แล้วทับด้วยแป้งอีกอัน กดให้ริมของแป้งปิดสนิท คลุมด้วยผ้าชื้น แล้วพักไว้ 30 นาที ระหว่างนั้นให้เปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 220°C/425°F



5 ใช้ส้อมแทงให้ทั่วโด แล้ว ทาด้วยน้ำมันมะกอก แล้วนำเข้าอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนสีเหลืองสวย ตัดเป็นชิ้นใหญ่แล้วเสิร์ฟ

Friday, July 25, 2008

American Carrot Cake: Easy cake for everyday

พี่ชายปุ๊กชอบทานแครอทเค้กค่ะ ส่วนพี่สาวนี่รักเลยล่ะ ปุ๊กว่าแครอทเค้กนี่เป็นของโปรดของหลายๆคนนะ จริงๆแล้ว อยากลองทำเค้กสูตรที่ก้อย ( bake-aholic) ส่งมาให้ค่ะ เป็น Yellow Butter Cake สูตรจาก CakeLove: How to Bake Cakes from Scratch ของ Warren Brown ค่ะ, เห็นก้อยบอกเล่มนี้เจ๋งมากเลย ปุ๊กก็อยากลองสูตรมากๆเลย แต่พอดีพี่ชายเขาออเดอร์มาค่ะ ว่าเขาอยากทานอย่างอื่นมากกว่า เราก็เลยเสนอแครอทเค้กแทน (รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ปฏิเสธแน่, อิอิ) แล้วคำตอบก็คือ โอเคค่ะ พอดีช่วงนี้ปุ๊กมีหนังสือใหม่หลายเล่ม เลยต้องเอามาลองสูตรสักหน่อย (ก็อย่างงี้ล่ะค่ะ พวกชอบลองของ) ก็เลยเลือกสูตรนี้มาจากหนังสือ Leiths Baking Bible (Leiths) ของ Susan Spaull และ Fiona Burrell ค่ะ สูตรนี้ทำง่ายมากเลยด้วยค่ะ ปุ๊กลดน้ำตาลลงไปนิดหน่อยนะคะ (ประมาณ 40 กรัมค่ะ) แล้วก็ใช้พีแคนนัทแทนค่ะ (จริงๆจะใช้ถั่วอะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบนะคะ ปุ๊กชอบพีแคนมากกว่าวอลล์นัทค่ะ)

American Carrot Cake

ได้เค้กขนาด 8 นิ้ว 2 ชั้นค่ะ



For the cake


250 ml

น้ำมันพืช

4

ไข่

180 g

น้ำตาลทรายแดง

140 g

แครอทขูดฝอย

225g

self-raising flour

(หรือใช้แป้งเค้กกับผงฟู 1 ช้อนชาค่ะ)

½ teaspoon

เบกกิ้งโซดา

½ teaspoons

ground cinnamon (อบเชยป่น)

½ teaspoon

ground ginger (ขิงแห้งป่น)

140 g

walnuts, ถั่ววอลล์นัท สับ

(หรือจะใช้ถั่วอะไรที่ชอบก็ได้ค่ะ ปุ๊กใช้พีแคน)

For the icing


45g

เนยจืด

170 g

ครีมชีส (full-fat cream cheese)

300 g

icing sugar

1 teaspoon

vanilla essence


เกลือ เล็กน้อย


น้ำเลมอน ตามชอบ (ปุ๊กใช้ประมาณ 1 ช้อนชาค่ะ)


1 เปิดเตาอบที่ 180°C. รองพิมพ์ขนาด 8 นิ้ว 2 อันด้วยกระดาษรองอบ (baking parchment)


2 ใส่น้ำมัน น้ำตาลทรายแดง ไข่และ แครอทลงในชาม แล้ว ตีให้เข้ากัน

3 ร่อน แป้ง (และผงฟูถ้าใช้) รวมกับเบกกิ้งโซดา อบเชย และขิง

4 ใส่แป้งโดยแบ่งเป็น 2 รอบ แล้วใส่ถั่ว ตะล่อมให้เข้ากัน


5 แบ่งส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ทั้ง 2 ใบ นำเข้าอบประมาณ 25 นาที หรือจนเค้กไม่ยุบลงเมื่อกดเบาๆตรงกลาง

6 นำออกมาพักไว้บนตะแกรงพัก 10 นาทีก่อนนำออกจากพิมพ์ แล้วพักให้เย็นสนิท


7 ทำไอซิ่ง โดยตีเนย และครีมชีสให้เข้ากันดี แล้วใส่วานิลลา ตีให้เข้ากัน ร่อนน้ำตาลไอซิ่งลงไป แล้วตีให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอน และเกลือตามชอบ

8 ทาไอซิ่งให้ทั่ว พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ


Wednesday, July 23, 2008

Peanut Butter and Jelly Bars From: Martha Stewart's Cookies

ส่วนผสมที่อร่อยลงตัวค่ะ ถ้าใครชอบทานขนมปังทาเนยถั่วกับแยมคงจะเข้าใจว่ามันอร่อยยังไง ปุ๊กชอบ raspberry jam กับ chunky peanut butter ที่สุดเลย ดังนั้นตอนที่ได้หนังสือเล่มนี้มา ( Martha Stewart's Cookies: The Very Best Treats to Bake and to Share ),ก็เลยอยากลองสูตรนี้เป็นสูตรแรกเลยค่ะ แต่ก้อดแปลงสูตรนิดหน่อยไม่ได้ค่ะ ตามสูตรเขาใช้แยมสตรอเบอรี่ แต่ปุ๊กใช้ ราสเบอรี่แทนนะคะ ดังนั้นก็ตามใจค่ะ ใช้แยมที่ตัวเองชอบดีที่สุด ปุ๊กทำแค่ครึ่งสูตรนะคะ เพราะถ้าทำทั้งสูตรคงต้องอีกหลายวันถึงจะได้ลองสูตรอื่นอีก (ต้องยอมรับความจริงนะ ว่าเวลาทำที่บ้านปุ๊กก็ช่วยกันทานค่ะ ถ้าทำเยอะๆ คงต้องทานกันเยอะเกิน อิอิ) ดังนั้นถ้าใครอยากทำแบบเดียวกันก็ทำแค่ครึ่งสูตรแล้วใช้ถาดขนาด 8 นิ้ว เวลาอบ 45 นาทีค่ะ

คุกกี้ออกมารสชาติหวานๆเค็มๆค่ะ แต่ต้องบอกเลยว่าอย่าลืมสับถั่วก่อนนะคะ เพราะปุ๊กลืมค่ะ เวลาตัดคุกกี้ก็เลยรู้สึกว่าถั่วมันใหญ่ไปหน่อยนะเนี่ยะ

Peanut Butter and Jelly Bars

ทำได้ 3 โหลค่ะ


1 cup (2 sticks)

เนยจืด

3 cups

แป้งอเนกประสงค์

1½ cups

น้ำตาลทราย

2

ไข่ฟองใหญ่

2½ cups

smooth peanut butter (เนยถั่วแบบละเอียด)

1½ teaspoons

เกลือ

1 teaspoon

ผงฟู

1 teaspoon

pure vanilla extract

1½ cups

strawberry jam, หรือรสอื่นก็ได้ค่ะ ปุ๊กใช้ raspberry)

1 cup

ถั่วลิสงอบแบบเค็มประมาณ 5 ออนส์ สับหยาบๆ

1. เปิดเตาอบที่ 350°F. ทาเนยที่ถาดขนาด 9 x 13นิ้ว วางรองด้วย parchment paper ทาเนยทับ กระดาษ โรยด้วยแป้ง แล้วเคาะเศษแป้งออก

ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน พักไว้


2. ตีเนยแล้วน้ำตาลในอ่างผสม จนฟู และสีอ่อนลง ประมาณ 2 นาที ใส่ vanilla.


ใส่ไข่และ Peanut butter ตีให้เข้ากันดี ประมาณ 2 นาที ใส่ส่วนของแป้ง ผสมให้เข้ากัน


3. ใส่ 2/3 ของโดลงในถาด เกลี่ยให้ทั่ว แล้วทาแยมให้ทั่ว โรยโดที่เหลือลงไป (Crumble) แล้ว โรยถั่วลิสงลงไปให้ทั่ว



4. อบจนเป็นสีเหลืองสวย ประมาณ 45-60 นาที (พออบไปสักพักอย่าลืมกลับด้านถาดนะคะ แล้วก็เตรียมกระดาษฟรอยไว้ด้วยค่ะ เพราะถ้าด้านหน้าเริ่มมีสีเข้มให้วางกระดาษฟรอยลงไป กันหน้าไหม้ค่ะ) พออบเสร็จ นำออกมาวางบนตะแกรงพัก ใช้มีดกรีดด้านข้างให้ตัวขนม ไม่ติดพิมพ์ หลังจากเย็นให้นำเข้าแช่ในตู้เย็น 1-2 ชั่วโมงค่ะ แล้วจึงนำออกมาตัดเป็นชิ้น ประมาณ 1½ x 2 นิ้ว (จะได้ประมาณ 3 โหลนะคะ)

Friday, July 18, 2008

Raspberry Ice Cream Bombe: Easy Ice Cream for Everyone

เพิ่งกลับบ้านมาได้ อาทิตย์ นึงเองค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวมานะ แต่ไปอยู่โรงพยาบาลค่ะ เป็นไข้เลือดออก น่าเบื่อมากๆเลย เพราะไม่ได้ทำอะไร แค่นอนๆกินๆ (แล้วอาหารโรงพยาบาลก็ไม่อร่อยด้วยสิ) แต่ตอนนี้ก็กลับมาพักที่บ้านได้แล้วค่ะ ค่อยดีหน่อย แต่ไปโรงพยาบาลไม่เสียเที่ยวค่ะ เพราะว่า ได้นิตยสารเล่มนี้มา Olive Magazine (Issue June 2008) อ่านสูตรแล้วก็ง่ายมากๆเลย ไม่ต้องมีเครื่องทำไอศครีม ด้วย คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลอย่างเราก็ทำได้ แค่ปั่นๆทุกอย่างรวมกัน แล้วเทใส่พิมพ์ก็เสร็จแล้ว แต่ของปุ๊กเพิ่มขั้นตอนนิดนึงค่ะ ตรงที่กรองเอาเม็ดออกก่อน เพราะ รู้สึกว่าเวลาทานเจอเม็ดแล้วมันน่ารำคาญสักหน่อย แต่ถ้าใครไม่คิดมาก ก็ยิ่งง่ายค่ะ เพราะเอาทุกอย่างใส่เครื่องปั่นก็เสร็จแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าเอาเม็ดออก ไอศครีมที่ได้ก็จะเนียนกว่านะคะ ปุ๊กลดนมข้นหวานจากสูตรไปค่ะ แต่ถ้าใครชอบหวานมากๆ ก็สามารถใช้ได้ถึง 400 มิลลิลิตรนะคะ

Adaptation from: Olive Magazine (Issue June 2008)


Raspberry Ice Cream Bombe

Served 6




350 g

Raspberry*

300 ml

นมข้นหวาน

150 ml

Whipping Cream


* ถ้าจะกรองเอาเม็ดออก ให้ใช้ raspberry 500 กรัมค่ะ พอกรองแล้วจึงค่อยมาชั่ง จะได้ประมาณ 350 กรัมค่ะ


ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วปั่นในเครื่องปั่น จนเข้ากันดี


เทลงในพิมพ์ แล้วนำเข้าแช่ในช่องแข็ง ข้ามคืน


Adaptation from: Olive Magazine (Issue June 2008)

Friday, July 4, 2008

Green Tea Soufflé Roll Cake with Buttercream

มีคนขอมาอีกแล้วค่ะ ว่าอยากได้สูตรเค้กนิ่มๆของญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่ชิฟฟอนนะ ปุ๊กก็เลยลองหาดูค่ะ ครั้งนี้ก็เลยลองสูตรนี้ เป็น soufflé roll cake ค่ะ สูตรมาจากหนังสือ 知りたがりの、お菓子レシピ小さなこつも、大きなポイントของ小嶋 ルミ(Rumi Kojima). ค่ะ วิธีทำจะแตกต่างจาก โรลเค้กทั่วไปนะคะ คือตัวไข่ขาวต้องเย็นค่ะ แล้วก็ขั้นตอนแรกจะคล้ายกับการทำเบสของ Soufflé ค่ะ เค้กออกมาฟู แล้วก็นิ่มดีค่ะ (แต่ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าเค้กปุ๊กยังมีฟองอากาศใหญ่ๆเหลืออยู่ค่ะ) แต่ก็คิดว่าเป็นสูตรที่ดีเลยล่ะค่ะ เพราะน่าจะเป็นทางเลือกที่แสนอร่อยสำหรับคนที่อยากได้สูตร โรลเค้กนิ่มๆ แต่ไม่ใช่ชิฟฟอนค่ะ

Note: การใช้ไข่เย็นนี่ดีมากเลยค่ะ เมอแรงค์ออกมาข้น แล้วก็แวว ฟองอากาศก็เล็กกว่าเวลาทำด้วยไข่ขาวที่อุณหภูมิห้องค่ะ แล้วก็ชาเขียวของปุ๊กเป็นแบบไม่ใส่สีนะคะ เค้กก็เลยจะออกสีตุ่นๆหน่อยค่ะ



ชาเขียวของปุ๊กค่ะ เป็นชาแบบไม่ใส่สีค่ะ

Green Tea Soufflé Roll Cake with Buttercream

ทำเค้กยาว 30 เซนติเมตรค่ะ






38 g

เนยจืด




A

44 g

แป้งเค้ก


3 g ( ¾ tsp)

ผงฟู


6 g

Green tea powder (ผงชาเขียว)





70 g

นมสด (เย็น)




B

47 g

ไข่ทั้งฟอง


70 g

ไข่แดง




Meringue

150g

ไข่ขาว (เย็นประมาณ 1-4°C)


75 g

น้ำตาลทราย




เปิดเตาอบที่ 180°C

รองกระดาษไว้บนถาดขนาด 30x30 cm

ใส่ไข่ขาวไว้ในตู้เย็น

ร่อนส่วนผสม A เข้าด้วยกันพักไว้

ผสมส่วนผสม B เข้าด้วยกัน พักไว้


ใส่เนยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อนจนละลาย ในส่วน ลงไปทั้งหมดทันที แล้วคนให้เข้ากัน จนส่วนผสม ร่อนออกจากหม้อ นำลงจากเตา


เทนมเย็นลงไป แล้วคนให้เข้ากัน


นำกลับขึ้นตั้งไฟ แล้วคนจนเริ่มร่อนออกจากหม้อ ยกลงจากเตา


ใส่ส่วน B ลงไป แล้วผสมจนเนียนเข้ากันดี

เทลงในชามใบใหญ่พักไว้


นำไข่ขาวออกจากตู้เย็น ตีจนตั้งยอดอ่อน แล้วค่อยใส่น้ำตาลลงไป แล้วตีจนตั้งยอดแข็ง


ค่อยๆตักเมอแรงค์ลงไปในส่วนของแป้ง ตะล่อมจนเข้ากันดี (ระวังอย่าให้ยุบมากนะคะ)

เทแบทเทอร์ลงในถาดที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้ทั่วแล้วนำเข้าอบ 18-20 นาที

เมื่ออบเสร็จ คว่ำเค้กลงบนผ้าชื้น แล้วม้วนไว้จนเย็น


สำหรับ Buttercream


(สูตรจาก Baking: From My Home to Yours ค่ะ

ปล.ทำแล้วอาจจะมีครีมเหลือหน่อยนะคะ)

½ cup

น้ำตาล

2 ฟอง

ไข่ขาว

3/4 cup

เนยจืด

1 teaspoon

pure vanilla extract



ทำ Buttercream

ตั้งน้ำในหม้อใบปานกลางจนเดือดอ่อนๆ

เทน้ำตาลและไข่ขาวลงในชามผสมของเครื่องตี หรือชามที่สามารถทนความร้อนได้ แล้ววางลงบนหม้อ คนไปเรื่อยๆจนส่วนผสมอุ่น (เกือบร้อน) หรือใช้เวลาประมาณ 2 นาที

น้ำตาลจะละลาย และหน้าตาจะเหมือนกับ marshmallow cream ค่ะ

นำชามออกจากหม้อ

แล้วตีด้วยความเร็วปานกลางจนเย็น ประมาณ 4 นาที

แล้วค่อยๆใส่เนยลงไป ตีจนเนียน เมื่อใส่เนยจนหมด และเนียนดีแล้ว ตีต่ออีกประมาณ 5-7 นาที หรือจนไม่มีเศษเนยเหลือ และ buttercream เนียนข้น ในช่วงนี้อาจจะมีลักษณะเหมือนแยกตัว แต่ให้ตีต่อไปเรื่อยค่ะ buttercream จะกลับมาเนียนเอง แล้วใส่ วานิลลา

ตอนนี้ buttercream จะเนียนสวยแล้วค่ะ เอาพลาสติกปิดบน buttercream แล้วพักไว้ค่ะ

บัตเตอร์ครีมที่ใช่ไม่หมด ใส่ถุงห่อให้สนิทแช่ฟรีสได้ 1 เดือนค่ะ
ก่อนใช้ให้เอามาไว้ในห้องให้อ่อนตัวลงก่อนนะคะ

แผ่นค้กออกแล้วทาบัตเตอร์ครีมให้ทั่ว แล้วม้วนให้แน่น


Wednesday, July 2, 2008

Orange Chocolate Mousse

Chocolate mousse อีกแล้วค่า แต่คราวนี้รสชาติเข้มข้นมากนะคะ รวมทั้งมีกลิ่นหอมๆของส้มด้วย คราวนี้เป็นสูตรแบบไม่ใช้ whipping cream นะคะ รสชาติของช็อกโกแลตกับส้มก็เต็มที่ดีจริงๆเลยค่ะ แต่ (ขอแอบมีแต่นิดนึงนะ) ถ้าใครใช้ช็อกโกแลตที่เข้มข้นมากๆ ก็อาจจะต้องใช้ครีมอุ่นๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ หรือเพิ่มเนยในสูตร ½ ช้อนโต๊ะนะคะ เพราะช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นสูงก็จะมีไขมันน้อยตามไปด้วย แต่ถ้าใช้แบบทั่วไปที่มี cocoa mass ประมาณ 43% ก็ทำตามสูตรไปได้เลยค่ะ

เนื่องจากสูตรนี้ไม่มี Whipping cream นะคะ ดังนั้น จะเก็บได้ไม่นานค่ะ (มูสจะเนื้อแน่นขึ้นค่ะ) แต่ของแบบนี้คงไม่มีใครอดใจเก็บไว้นานๆหรอกนะคะ

The recipe from: チョコレートのお菓子by 藤野 真紀子 (Makiko Fujino)

Orange Chocolate Mousse

ทำได้ 1540 ml



250 g

Semisweet Chocolate (chopped)

60 g

เนยจืด

4

ไข่แดง

ผิวส้ม จากส้ม 1ลูก

Meringue

4

ไข่ขาว

เกลือนิดหน่อย

55 g

Confectioner’ sugar (น้ำตาลไอซิ่ง)


ละลายช็อกโกแลตกับเนย บน Double boiler หรือชามที่วางบนหม้อที่ต้มน้ำให้เดือดเบาๆ (อย่าให้ก้นชามถูกน้ำนะคะ) คนเรื่อยๆจนละลายเข้ากัน ใส่ไข่แดง แล้วคนให้เข้ากัน แล้วใส่ เปลือกส้ม


ตีไข่ขาวในชามด้วยเครื่องตีไฟฟ้า ตีจนตั้งยอดอ่อน แล้วใส่น้ำตาล (ค่อยๆใส่นะคะ) แล้วตีจนตั้งยอดแข็ง Stiff peaks (แต่ไม่แห้งนะ) ตัก 1 ใน 3 ของ meringue ใส่ลงในส่วนของช็อกโกแลต แล้วตะล่อมให้เข้ากัน แล้วค่อยๆใส่ส่วนที่เหลือ ตะล่อมเข้ากันจนหมด

ตัก มูสลงในถ้วย แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็น ประมาณ 6 ชั่วโมงขึ้นไปแล้วจึงเสิร์ฟ

Printfriendly