Madeleine เป็นของโปรดของพี่สาวปุ๊กค่ะ โดยสูตรที่เธอชอบที่สุดจะเป็น สูตรที่เอามาจากหนังสือ 一流パティシエといっしょに美味しいケーキを作りたい (Make a delicious cake with first-class pâtissier) ที่ปุ๊กเคยเอาทั้งสูตรและหนังสือมาลง นานมาแล้วนะคะ สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ
แต่ว่านะ หลายๆคนก็คงรู้นิสัยปุ๊ก ^^อะนะ คือ อยากลองสูตรไปเรื่อยๆ ให้ทำของเดิมอยู่ตลอดก็ไม่สนุกสิ 555 คราวนี้ ก็เลยมาลงตัวกันตรงกลางค่ะ คือ พออ่านเจอสูตร Earl Grey and Honey Madeleine จากหนังสือ Paris Sweets: Great Desserts From the City's Best Pastry Shops โดย Dorie Greenspan ก็คิดว่า อยากลองจัง เพราะทั้งชา และน้ำผึ้ง เมื่อนำมารวมกัน น่าจะหอมมากๆเลยค่ะ แล้วอีกเหตุผลคือ ปุ๊กเพิ่งซื้อชา Earl Grey มา เมื่อตอนไปเที่ยวค่ะ คือ ปุ๊กเองไม่เคยลองชาจาก Fortnum & Mason เลย ก็เลยทำตัวเป็น นักท่องเที่ยวเต็มที่ โดยการซื้อ ชามาในแบบที่เป็น Decorative Tea Caddy Selection ที่จะมีชา 3 แบบอยู่ในแพ็คเดียวกันค่ะ คือมีชา Earl Grey Classic, Royal Blend และ Afternoon Blend ซึ่งพอชิมแล้ว ก็ชอบตัว Royal Blend (stronger tea) ที่สุดค่ะ อาจจะเพราะปุ๊กชอบชาที่รสชาติเข้มๆอะนะคะ แต่ข้อเสียของการซื้อเป็น เซ็ตแบบนี้ คือ ชาทั้ง 2 ตัวติดกลิ่น Earl Grey มาด้วยอะสิ ^^" แต่ก็ยังดีที่ชาเอิร์ลเกร์ยของที่นี่ดีค่ะ เพราะขนาดคนที่ไม่ค่อยดื่ม ชาเอิร์ลเกร์ยยังรู้สึกว่า หอมมากๆเลยค่ะ
ปุ๊กเอง พอได้ชาหอมๆมา ก็คิอว่าน่าจะลองทำขนมจากเจ้าชาเอิร์ลเกร์ย นี่บ้างค่ะ ^^.
แต่ว่า คราวนี้ ก็เลยต้องเอาสูตรมาแปลงค่ะ เพื่อว่า จะเพิ่มชาเอิร์ลเกร์ยและน้ำผึ้งลงไปในสูตรเก่าที่ชอบ โดยไม่ทำให้ความหอม และเข้มข้นของสูตรเก่าหายไปค่ะ ซึ่งผลก็ออกมาไม่เลวเลยค่ะ คุณพี่สาวให้คะแนนผ่าน 555 พร้อมวิจารณ์ว่า หอมดีค่ะ (แบบว่านะ ถ้าทำแล้วไม่มีอะไรต่างจากเดิมเลยก็ไม่ควรจะต้องมานั่งปรับสูตรนะ อิอิ)
เหมือนทุกครั้งค่ะ เรื่องยี่ห้อของชาเอิร์ลเกร์ย และน้ำผึ้งที่จะนำมาใช้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใช้อันที่ "ชอบ" (อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ ในการทำขนม ^^) เพราะเมื่อเราชอบกลิ่นของมันแล้ว เมื่อนำเอามาประกอบเป็น มาเดอลีน เราก็จะชอบกลิ่นของมาเดอลีนเช่นกัน
สำหรับคนที่ไม่มีพิมพ์ลายก้นหอย ที่เป็น พิมพ์เฉพาะของเจ้าคุกกี้ชนิดนี้ (หรือบางคนก็จัดว่า มันเป็น เค้กอะนะคะ แต่สำหรับปุ๊ก จะเป็น เค้กเป็น คุกกี้ก็ไม่เกี่ยงค่ะ ของให้อร่อยจะเป็น อะไรก็ได้) ก็สามารถจะอบในพิมพ์ มินิมัฟฟินได้นนะคะ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนกัน แต่ความอร่อยไม่ต่างค่ะ
ส่วนการแช่ชา ในเนยร้อน ต้องเตือนก่อนว่าอย่าแช่นานเกินไปนะคะ เพราะว่า การแช่นานไปไม่ได้ทำให้รสชาติเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะสิ่งที่จะได้เพิ่มมา จะกลายเป็น ความขมแทนค่ะ ถ้าไม่แน่ในให้ลองอ่านที่ซอง หรือคำแนะนำของการชงชายี่ห้อนั้นๆ หรือหากไม่รู้ก็เอาแค่ 5 นาทีก็พอค่ะ เพื่อให้กลิ่นหอม และรสชาติของชาออกมาให้เต็มที่โดยไม่ขมติดลิ้นค่ะ
Madeleine จะอร่อยมาก โดยเฉพาะเมื่ออบเสร็จใหม่ๆค่ะ แต่หากว่า เริ่มแห้งลง (ขนมแบบนี้เก็บได้ 2-3 วันค่ะ) ก็สามารถทานแบบนำไปจุ่มในชา หรือกาแฟได้นะคะ ^^.
งั้นก็อย่ารอช้าเลยค่ะ มาทำขนมอร่อยๆด้วยกันนะ
Earl Grey and Honey Madeleine
Makes about 24
170 g ............................... เนยจืด
150 g ............................... แป้งเค้ก
4 g .................................... ผงฟู
1/8tsp .............................. เกลือ
110 g ................................ ไข่
120 g ................................ น้ำตาลทรายละเอียด
2 tbsp ............................... น้ำผึ้ง
2tbsp ................................ ใบชา กลิ่นEarl grey
ต้มเนยจนเดือด แล้วเทใบชาลงไป แช่ใบชาไว้ 3-5 นาที แล้วกรองเอาใบชาออก แล้วพักเนยไว้ให้เย็น
ร่อนแป้ง ผงฟู น้ำตาลและเกลือเข้าด้วยกัน ใส่ลงในชามขนาดกลาง พักไว้
นำไข่ใส่ลงในชาม แล้ววางบนหม้อที่ต้มน้ำไว้ (เดือดนิดๆพอ แล้วอย่าให้ก้นชามติดกับน้ำนะคะ) ตีด้วยที่ตีไข่ไฟฟ้า ที่ความเร็วปานกลาง จนไข่ขึ้นฟูเป็นสามเท่า ขาวข้น (thick ribbon) ใส่น้ำผึ้งลงไป แล้วตีให้เข้ากัน แล้วนำลงจากหม้อ
เทแป้งลงไป ใช้ที่ตีไข่คนให้เข้ากัน ใส่เนยที่ละลายไว้ (แบ่งเป็น 5-6 ครั้ง) ผสมให้เข้ากันดี (แต่อย่ามากไปนะคะ)
ปิดด้วยพลาสติกแล้วแช่ตู้เย็น ทิ้งไว้ 1 คืน
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 190°Cทาเนยที่พิมพ์ Madeleineขนาด12-mold หลุมสองอันแล้วโรยด้วยแป้ง เคาะแป้งส่วนเกินออก (อย่างที่บอกค่ะติดแบบไม่ออกเลย ต้องระวังค่ะ)
ตักมาเดอลีนใส่ลงในพิมพ์ ที่เตรียมไว้
นำเข้าอบประมาณ 10-12 นาที หรือจนสีเหลืองสวยกด แล้วไม่ยุบระวังอย่า overbake นะคะเพราะมาเดอลีนจะแห้งเกินไป
นำออกจากเตา เคาะออกจากพิมพ์ พักไว้ที่ตะแกรง หรือทานเลยค่ะ
Earl Grey and Honey Madeleine:
Fragrance sweet from your own kitchen