Eating with dailydelicious: Arno's Butcher and Eatery

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปุ๊กไปทานอาหารที่ร้าน Arno's Butcher and Eatery มาค่ะ หลายๆคนที่เคยได้ยินชื่อ หรือรู้จักร้านนี้อาจจะแปลกใจ ว่าทำไมปุ๊กถึงไปทานในวันจันทร์ได้ เพราะปรกติแล้ว ร้านนี้เขาปิดทุกวันจันทร์นะคะ

แต่เพราะเป็น โอกาสพิเศษที่ทางสิงห์ ได้จัด Exclusive dinner ให้กับทางบล็อกเกอร์ และ Influencers ให้ได้ร่วมพูดคุย กับคุณบรรเจิด เหล็กคง ศิลปินไทยคนแรกที่จะได้ ไปจัด SOLO EXHIBITION ที่ อโกร่า แกลเลอรี นิวยอร์ก (Agora Gallery New York) ประเทศสหรัฐอเมริกา  ระหว่างวันที่ 20 พ.ค – 9 มิ.ย. 2559 นี้ค่ะ

งานของคุณบรรเจิด ถ้าใครตามข่าวมา ก็คงจะทราบว่า เขาเป็นศิลปินที่ทำงานปฏิมากรรมเหล็ก ให้ออกมามีความอ่อนช้อย และสวยงามมาก เป็นศิลปะ ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลก (อันนี้คุณบรรเจิดเล่าให้ฟังเองเลยค่ะ ว่าไม่ใช่แค่หนึ่งเดียวในโลก แต่ทาง Unesco บอกว่า เป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล เพราะไม่มีใครทำได้เหมือนเขาจริงๆ)
ซึ่งด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของเขานี่เอง ที่ทำให้เขาได้รับการยอมรับในระดับโลกในที่สุด หลังจากที่ต้องอดทนเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนไทยด้วยกัน จนในที่สุด ด้วยการสนับสนุนของ Singha Park สิงห์ปาร์ค เชียงราย ผลงานของศิลปินไทยคนนี้ จะได้มีโอกาส โชว์ให้ชาวโลกเห็น แล้วล่ะค่ะ
หากใครสนใจเรื่องราวผลงานของคุณบรรเจิด สามารถเข้าไปดูที่นี่ได้นะคะ
ส่วนการแสดงงานประติมากรรม ‘เหล็กคง’  Fine Art Metal (BANJERD LEKKONG A SOLO EXHIBITION) ที่ อโกร่า แกลเลอรี นิวยอร์ก (Agora Gallery New York) ประเทศสหรัฐอเมริกา  เดี๋ยวปุ๊กจะเอารายละเอียดและบรรยาการของงานมาฝากเพิ่มนะคะ

แล้วเราก็ไปกินเนื้อกันก่อนนะ 555

ร้านนี้ เป็นร้านที่เน้น เรื่องของเนื้อที่ผ่านกระบวนการ Dry Aged Beef  โดยเชฟคือ คุณอาโนด์ คาร์เร่ ( Arnaud Carre) ที่มีประสบการณ์ในการทำเนื้อ (เค้าเคย เปิดร้านชื่อ The French Butcher ที่ดังมากที่นิวยอร์คด้วยนะคะ)
ร้านอยู่ในซอยนราธิวาส 20 มาไม่ยาก แล้วมีที่จอดรถเยอะเชียว
รายละเอียดของร้าน เข้าไปดูเองได้ที่นี่นะคะ

บรรยากาศภายในร้าน เนื่องจาก เป็นการจัดงาน โต๊ะเลยจัดรวมเป็นโต๊ะกลางโต๊ะเดียวค่ะ

พร้อมจะทานอาหารแล้วหรือยังคะ

บนโต๊ะมีเครื่องปรุงให้แค่ เกลือ, พริกไทย และทาบาสโก นะคะ โดยสามารถสั่งซ้อส และน้ำจิ้มเพิ่มได้ค่ะ

ก่อนจะทาน เราต้องเข้าไปเลือกเนื้อในห้องนี้ก่อนเลยค่ะ

มีเนื้อให้เลือกหลายชนิดมาก โดยนอกจากการแยกเป็นเนื้อส่วนต่างๆแล้ว จะมีความต่างกันของระยะเวลาในการบ่มเนื้อด้วยนะคะ

หากใครไม่ทานเนื้อวัว ก็สามารถเลือกอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หอยนางรม, กุ้งแม่น้ำ, ล็อปเสตอร์, หอยลายอบเนย, ปลาแซลมอน หรือ อื่นๆ ได้จากตู้นี้ค่ะ
และนอกจากอาหารที่โชว์แล้ว ยังมีสลัด และพาสต้า ให้เลือกทานได้ด้วยนะคะ

ของปุ๊กเลือกเป็นชิ้นนี้ค่ะ เหตุผลเดียวคือ เขาบอกว่าอร่อยสุด เอาเป็นว่า เราเชื่อคนง่ายนะ 555

พอสั่งไปพนักงานมองหน้า แล้วถามกลับมาว่าทานหมดเหรอครับ จริงๆคิดว่า สบายมากนะคะ

แต่ดูขนาดของเนื้อที่เขาตัดให้ต่อชิ้นซะก่อน -*- แต่เรายังคงปากแข็งค่ะ ถึงแม้จะเริ่มตกใจเล็กน้อย ก็เลยหันไปหาแนวร่วมค่ะ น้องที่ไปด้วยกัน บอก "เดี๋ยวผมช่วยทาน" เราเลยสั่ง Rib eye เพิ่มอีกชิ้น 555

กลับมาที่โต๊ะ ก็ทานของว่างเป็น เฟรนฟราย ที่บอกตรงๆว่า ไม่กล้าทานเยอนะคะ กลัวทานจานหลักไม่หมด แต่ไม่ทานก็ไม่เสียดายนะคะ จานนี้เฉยๆค่ะ ^^

เป็นผู้หญิงอย่างเรา ควรจะทานผักบ้างเลยสั่งเป็น  Arno's Mixed Salad มาทานด้วยนะคะ เป็นสลัดที่รสจัดมากนะคะ

จานนี้เป็น Lobster Fettuchini (990 บาท) เขาจะแกะเนื้อของล็อปเสตอร์ไปผัดกับเส้นพาสต้าแล้วนะคะ ทานง่ายค่ะ ไม่เลอะมือ

จานนี้ ทานได้ลืมอ้วนเลย เป็น Spinach with cheese (150 บาท)

จานเล้นอีกจานที่อร่อยดีค่ะ River Prawn Fettucini (390 บาท)

ส่วนอันนี้เป็นหอยลายอบ เสิร์ฟพร้อมขนมปัง อร่อยดีค่ะ 

จานนี้ ริปอาย เนื้อของที่นี่จะเป็นคนละสไตล์กับเนื้อแบบญี่ปุ่นนะคะ
คือ รสจัด มันน้อยกว่า แล้วก็เหนียวกว่าค่ะ แต่ย่างออกมาได้ดี ปุ๊กชอบทานแบบ Medium rare เลยถูกใจค่ะ

มาถึงจานหลักนะคะ Prime rib 100 วันของเรา 

เนื้อรสจัดมากค่ะ คือมีรสชาติในตัวเยอะมาก ปุ๊กชอบทานแบบไม่ใส่ซ้อสมากกว่า (มีซ้อสให้เลือกหลายอย่างนะคะ ทั้ง Pepper sauce, Truffle sauce, Mushroom sauce และสุดท้ายคือ Thai sauce หรือน้ำจิ้มแจ่วค่ะ 

ถ้าให้สรุปว่าชอบไหม ต้องบอกว่า โอเคเลยนะคะ สำหรับคนชอบทานเนื้อ เพราะราคาไม่แพง และตัดเนื้อตัดได้ชิ้นใหญ่สะใจมาก ความ Rare ของเนื้อนี่ บางคนอาจจะรู้สึกว่าแรงไป แต่จริงๆ ต้องแบบนี้ล่ะค่ะ รสชาติจะดี  ร้านไปง่ายมีที่จอดรถด้วย แต่อาจจะจองยากนิดนึง (ขอขอบคุณ สิงห์พาร์ค อีกรอบค่ะ ที่ให้ได้ไปทานแบบสบายๆ) คิดว่า คงจะไปทานอีกค่ะ แต่ต้องหาแนวร่วมที่ชอบนานเนื้อ และทานได้เยอะๆไปด้วยกันค่ะ