 |
| (view from Shougun-zuka- 将軍塚青龍殿) |
ก่อนที่เราจะออกไป เราแวะซื้อขนมปังรองท้องกันที่ร้าน "Orenopan- オレノパン" ร้านขนมปังเล็กๆ ที่อยู่ในสถานีเกียวโต
ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ขนมปังที่มีขายอยู่ในร้านก็หลากหลายมากค่ะ เราซื้อขนมปังคนล่ะชิ้น ก่อนที่จะเดินไปขึ้นแท็กซี่ค่ะ
เพราะไม่อยากจะออกไปหากาแฟข้างนอก (โดยที่ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือเปล่า) ปุ๊กก็เลยได้กาแฟสำหรับเช้าวันนี้มาจากร้าน Inoda coffee (イノダコーヒ ) ค่ะ ซึ่งรสชาติอร่อยดี (แต่ก็ราคาแพงนะ 555)
นั่งแท็กซี่จากสถานีเกียวโต ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เราก็มาถึงที่หมายแล้ว นั่นก็คือ Shougun-zuka- 将軍塚青龍殿. ค่ะ
เพราะดูจากบริเวณที่มาถึง เราไม่แน่ใจว่า จะมีรถกลับไหม ก็เลยถามคนขับ เขาเลยแนะนำว่า
ควรจะให้ เขาจะรอรับพวกเรา (ซึ่งเราจะต้องเสียค่ารอให้กับทางรถแท็กซี่นะคะ) ถ้าเราไม่เลือกทางเลือกนี้
เราจะต้องใช้เวลาในการเดินลงจากที่นี่ เพื่อไปเรียกรถ ซึ่งอาจจะใช้เวลา ถึง 20 นาทีค่ะ เราเลยเลือกที่จะเชื่อเขา
(เป็นคนเชื่อคนง่ายค่ะ อิอิ) ซึ่งคิดแล้วเป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆค่ะ เพราะเราเซฟเวลาได้เยอะ
แล้วยังมีไกด์นำเที่ยวไปในตัวด้วย
สถานที่นี่ อยู่บริเวณ ทางเหนือของ Shijo บน Mt. Higashiyama. ตัวตึก Seiryu-den (青龍殿 ) ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1913 เพื่อเป็นโรงฝึก ของ Kyoto Branch of Japan Federation of Martial Arts ค่ะ
ที่ๆ เราตั้งใจจะมาดูก็คือ ส่วนนี้ เรียกว่า Observation deck หรือ Obutai (大舞台) ที่สร้างโดยยื่นออกไปจาก Seiyu-den. โดยมีพื้นที่รวมถึง 1046 sq.m (ใหญ่มาก !) วิวสวยมากๆ ค่ะ
จากที่นี่ เราสามารถมองเห็น เมืองเกียวโต Mt.Hiei, วัด Heian และ Kyoto Imperial Palace ได้ด้วย
มาดูวิวแบบพาโนรามา ของ Obutai กันค่ะ
ตรงกลางเป็นห้องชงชา ที่ทำจากกระจก ลองถามคุณ โมเตคิ (คนขับรถแท็กซี่ ที่เข้ามาเป็นไกด์ให้เราไปในตัว) เขาบอกว่า ส่วนนี้ใช้ในการถ่ายหนัง หรือละคร มากกว่าการใช้งานจริงนะคะ ^^ ( 茂手木さん、ありがとうございました).
วิวของวัด Heian ที่มองจาก Obutai.
หลังจากเดินดูวิว และถ่ายรูปกันเต็มที่แล้ว เราก็เดินขึ้นไป ทางจุดชมวิวด้านทิศตะวันตก โดยก่อนไป เราจะผ่าน "Shugun-zuka" ค่ะ
"Shugun-zuka" เป็นเนิน ที่มีขนาดประมาณ 20 ตารางเมตร เป็นที่ฝั่งหุ่น โชกุน เพื่อให้ปกปักรักษาเมืองเกียวโต และเป็นจุดที่ Emperor Kanmu ขึ้นมา เพื่อมองสำรวจบริเวณรอบๆ ก่อนตัดสินใจย้ายเมืองหลวงมาที่เกียวโตค่ะ จะพูดว่า เมืองเกียวโตเริ่มต้นจากที่นี่ ก็คงจะไม่ผิด
ตึก Seiryu-den เมื่อมองจากจุดชมวิวด้านทิศตะวันตก
นอกจากวิวจาก โอบุไต และ จุดชมวิวด้านทิศตะวันตก แล้ว ที่นี่ ยังโดดเด่นในความงามของสวน ทั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (โมมิจิ หรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี - 紅葉）และ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะได้ชมซากุระ ที่ปลูกอยู่ไม่ต่ำกว่า 200 ต้น แต่ก็นะ เราไปช่วงหน้าหนาว พลาดทั้งคู่ค่ะ ^^" แต่ก็หวังว่าจะได้มาชมความงามของที่นี่ทั้งใน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูใบไม้ผลิ อีกครั้ง
เพราะนอกจากความงามของธรรมชาติ ในช่วง 2 ฤดูที่บอกมา จะมีการเปิดไฟในช่วงค่ำคืนด้วย คิดแล้วมันต้องสวยมากๆ แน่ๆ เลยล่ะค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 40 นาที ปุ๊กสนุกกับการถ่ายรูปทุกอย่างค่ะ 555 .
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะกลับจากที่นี่ไปแล้ว แอบสัญญากับตัวเองในใจว่า จะต้องกลับมาในฤดูใบไม้ร่วงให้ได้เลย
กลับขึ้นแท็กซี่กันอีกรอบ ครั้งนี้ตั้งใจจะไปทานขนมที่ร้าน アサンブラージュ カキモト （ASSEMBLAGES KAKIMOTO) ให้ได้ แต่เมื่อเอาที่อยู่ให้คนขับ เขาเช็คให้แล้วบอกกับเราว่า ร้านปิด 555 ตามนั้นค่ะ เลยต้องคิดใหม่แบบด่วนๆ เลย
เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืน เซนเซย์ แนะนำร้านขนมญี่ปุ่นให้ไปลองทาน เราเลยเปลี่ยนใจไปที่นั่นแทน
ระหว่างทางก็ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะคะ เป็นข้อดีของการนั่งรถแท็กซี่ค่ะ ^^
เพราะเกียวโตเป็นเมืองเก่า พวกร้านค้าที่เป็นสาขาบางร้าน ต้องปรับหน้าตาให้เข้ากับเมือง อย่างร้าน McDonald's ก็ยังต้องใช้เป็นสี ดำขาว แทนที่จะเป็นสีแดงเหลืองทั้งแถวด้านบน (บางที่ก็เป็นสีน้ำตาลเข้ม) ซึ่งก็ดูเก๋ไปอีกแบบนะคะ
ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่ะ ร้าน โทรายา"Toraya- 虎屋菓寮 京都一条店". ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่น (和菓子) ที่เก่าแก่มาก ร้านหนึ่ง โดยร้านที่เราไป เป็นร้านใหญ่ของ โทรายาค่ะ
ร้านนี้ ก่อตั้งในเกียวโตตั้งแต่ยุค Muromachi period (室町時代 - ประมาณปี 1586),ซึ่งหมายความว่า ร้านนี้มีประวัติยาวนานมากว่า 400 ปีค่ะ
ในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น สวยงาม และ บรรยากาศชวนพักผ่อนมากเลยค่ะ
นอกจากที่นั่งในร้าน ยังมีที่นั่งด้านนอกที่เราสามารถนั่งชมบรรยากาศของสวนได้ด้วย แต่วันนี้ อากาศหนาวๆแบบนี้ ก็นั่งด้านในแล้วกันค่ะ ^^.
เมนูที่เราเลือกได้ในส่วนนี้ เป็นเมนูที่มีเฉพาะเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเซ็ตเมนู ที่จะมีขนมหนึ่งชิ้นกับเครื่องดื่ม 1 อย่างค่ะ
ปุ๊กเลือกขนมชิ้นนี้ ที่มีชื่อน่ารักๆ ว่า "Haru Tonari (春隣)" ซึ่งมีความหมายว่าฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว ขนมเสิร์ฟมาพร้อมกับชาเขียว (抹茶 ) ในราคา 1134 yen ค่ะ
ขนมดูเนียบและสวยมากนะคะ เลยถ่ายรูปไปเยอะเลย ชาเขียวที่เสิร์ฟมาพร้อมกันก็อร่อยมาก แบบไม่มีรสเฝื่อนเลยล่ะค่ะ
หั่นดูด้านในกันหน่อย
อีกจานที่สั่งคือ Hana Goromo 花衣 ราคา 1134 เยน อันนี้สั่งมาพร้อม เซนชาค่ะ.
ขนมจากเมนูประจำของร้าน ที่ลองสั่งกันก็คือ Abekawa Mochi (安倍川餅) - ราคา 929 เยน
เป็นขนมโมจิที่ทำจากแป้งข้าว คลุกกับแป้งถั่ว (kinako -きな粉) น้ำตาล wasambon (和三盆), เสิร์ฟมาพร้อมกับ shiokombu (塩昆布).
อีกถ้วยคือ Ammitsu (あんみつ) ราคา 1,188 yen (สั่งแบบไม่รวมเครื่องดื่ม) - เป็นก้อนวุ้น (agar-agar), ถั่วแดงกวน, Kohakukan (เจลลี่หวานแบบใส), และอาวาโยคัน (awa yokan) (เจลลี่ใส่ข้าวฟ่างหางม้า) และเพิ่ม Shiratama 白玉 (rice flour dumpling) ด้วย (เพิ่มอีก - 108 yen)
ขนมสวย, น่าทาน และ ยัง อร่อยด้วย เรานั่งพักแบบสบายๆ เกือบชั่วโมง ก่อนที่จะกลับไปโรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจาก เกียวโต
และตอนนี้เราก็พร้อมแล้วค่ะ ที่จะเดินทางไปพักผ่อน แช่น้ำพุร้อน (Onsen 温泉) และชมความงามบริเวณ ทะเลสาบ บิวาโกะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วิวในแถบนั้น จะสวยแค่ไหน มาติดตามกันต่อบล็อกหน้านะคะ
No comments:
Post a Comment