Friday, October 30, 2009

CHOCOLATE GANACHE ICE CREAM WITH THE COFFEE JELLY

ไอศครีมอีกแล้วค่า, ^ ^. แหม แต่จะมีสูตร ช็อกโกแลตไอศครีมอีก เรื่อยๆ ก็คงไม่เป็นไร ใช่ไหมคะ เพราะปุ๊กเองก็ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆค่ะ !

คราวนี้ ไอศครีม ม่ได้มาเปล่าๆนะคะ มาพร้อม กับเจลลี่กาแฟด้วยนะ ดังนั้น ก็เรียกว่า เป็น ความอร่อย 2 เท่าค่ะ

ช็อกโกแรตไอศครีม คราวนี้ อร่อยได้ทุกคนค่ะ เพราะว่า คุณมสามารถ เลือกชนิดของ ช็อกโกแลต ที่นำมาใช้ได้นะคะ เลือกช็อกโแลตอ่อนๆ คุณก็จะได้ ไอศครีมที่รสชาติ นิ่มนวล หรือ ถ้าใครชอบแบบเข้มข้น ก็ใช้ แบบช็อกโกแลต ขมๆเลยค่ะ
ส่วนตัวปุ๊กเอง ใช้แบบช็อกโกแลต 70%ค่ะ รู้สึกว่ารสชาติเข้มข้นกำลังดีค่ะ (ก็คงรู้กันอยู๋แล้วนะคะ ว่าปุ๊กชอบช็อกโกแลตแบบขมๆค่ะ ทานแล้วมีความสุขมากๆเลยะค่า ~~).

เจลลี่กาแฟนี่ ก็ไม่เลวนะคะ ถ้าไม่ทานพร้อมกับไอศครีม ก็ทานกับวิปปิ้งครีม ที่ปรุงให้หวานนิดนึงก็อร่อยค่ะ ทำง่ายๆ โดยการตัดเจลลี่เป็น ชิ้นเล็กๆ แล้วบีบวิปปิ้งครีม ไว้ด้านบน รสชาติเหมือน กาแฟเย็นเลยค่ะ ^ ^

ไอศครีมเปล่าๆก็อร่อยนะคะ ดังนั้น ถ้าขี้เกียจทำเจลลี่ ก็ได้ค่ะ เพราะเหมือนที่ปุ๊กชอบพูดไงคะ ว่าขนมทำออกมาแล้วก็ของเรา ดังนั้น ทำอย่างที่เราชอบ แล้วเราก็จะมีความสุขค่ะ

Adaptation From: Crave: A Passion for Chocolate by Maureen McKeon and スイーツレッスンABC by Rie Takahashi


CHOCOLATE GANACHE ICE CREAM

MAKES ABOUT 1 LITRES



CHOCOLATE GANACHE


85ml

Whipping cream

140g

Dark chocolate 70% cocoa mass สับ

ICE-CREAM BASE


350ml

นม whole milk

100g

น้ำตาลทราย

10g

Corn syrup

4

ไข่แดง

260g

Whipping cream



Coffee jelly


10g

กาแฟสำเร็จรูป

600ml

น้ำ

1tbsp+1tsp

เจลาตินผง

3tbsp

น้ำตาล


Whipping ครีม


MAKE CHOCOLATE GANACHE

นำครีมไปต้ม แล้ว เทลงในชามช็อกโกแลต พักไว้ 1 นาที แล้ว จริงคนให้เข้ากัน

ICE-CREAM BASE

ต้มนม , corn syrup และน้ำตาลครึ่งส่วน จนน้ำตาลละลาย และเดือด

ตีน้ำตาลที่เหลือ รวมกับไข่แดง แล้วค่อยๆเท ส่วนของนมลงไป โดยคนตลอดเวลา เมื่อเข้ากันแล้ว เทส่วนผสมทั้งหมดลงใน หม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟ จนกระทั่ง ข้นจนปิดช้อนได้ หรือ ประมาณ 71°C

กรองลงใน ชาม แล้ว ใส่ครีมและ Chocolate Ganache ลงไป แล้วนำเข้าแช่เย็น ทิ้งไว้ข้ามคืน

นำใส่ลงในเครื่องทำไอศครีม ทำตามคำแนะนำของเครื่อง

Make the chocolate jelly:


โรยเจลาตินลงใน นำ 100ml
อุ่นให้น้ำที่เหลือ ร้อน แล้วใส่กาแฟ และ น้ำตาลลงไป คนให้เข้ากัน
ใส่เจลาตินลงไป แล้วคนให้เข้ากัน


เทส่วนผสมลงในชามท นำเข้าแช่เย็น 4-6 ชั่วโมง หรือ จนอยู่ตัว

เมื่อต้องการ เสิร์ฟ ตัดเจลลี่เป็นชิ้น แล้วตักไอศครีม วางลงไป บีบครีมลงด้านข้าง แล้ว โรยด้วย ผงโกโก้

CHOCOLATE GANACHE ICE CREAM WITH THE COFFEE JELLY

Wednesday, October 28, 2009

October 2009 Daring Bakers Challenge #33: MACAROONS

เหมือนเดิมค่ะ DB ทีไร มีปัญหาทุกทีเลย 555 แต่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ชีวิต วุ่นวายนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้เข้าร่วม กับเขา (แต่ก็เสียดายมากๆเลยค่ะ เพราะไม่อยากสกิปเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ)

ดังนั้น เดือนนี้ ปุ๊กก็เลยพลาดไม่ได้ค่ะ ก็เลยเริ่มทำตั้งแต่ต้นเดือนเลยค่ะ แต่ยังไม่วาย มีปัญหาอยู่ดีค่ะ กับมาคารองสูตรนี้

อันนี้คือ มาคารอง สูตรนี้ ที่ปุ๊กลองทำ ในรอบแรกค่ะ น่าเกลียด มากๆเลย ใช่ไหมคะ >*< แต่ก็คิดว่า น่าจะเกิดจาก การที่เตาอบใหญ่ของปุ๊ก ไม่สามารถ ลดอุณหภูมิ ให้ต่ำลงได้ ถึง 90°C ดังนั้น มาคารองของปุ๊ก ก็เลย สุก แทนที่จะแห้งนะสิค่ะ แต่ปุ๊กก็ไม่ยอมค่ะ ทำอีก 555 ลองไปอีก 4 รอบค่ะ แต่ก่อนลองทำใหม่ ก็ได้เข้าไปอ่าน ในบอร์ด ว่า สมาชิกคนอื่น มีปัญหาอะไรอีกบ้าง ก็เลยได้อีกอย่างว่า ขนาดของไข่ขาวของเรา อาจจะไม่ตรงกับสูตรค่ะ ดังนั้น ก็เลยปรับให้ เท่ากับ สัดส่วนที่ คนอื่นๆลองทำ แล้ว ประสบผลสำเร็จค่ะ แล้วคราวนี้ ลองเปลี่ยนมาใช้ เตาอบตัวเล็กค่ะ ที่สามารถ ลดอุณหภูมิ ได้ต่ำมากกว่่า (ซึ่งเป็น โปรแกรม หมักแป้งของเตาค่ะ ^ ^) เพื่อที่จะทำให้มาคารองแห้งค่ะ คราวนี้ ก็เลยออกมาสำเร็จแล้วค่ะ ปุ๊กว่าสูตรนี้ดีนะคะ โดยเฉพาะ การที่เรานำ มาคารองไปอบให้แห้ง ช่วยให้ เราไม่ต้องพักผิวนานๆ ซึ่งใครที่ต้องรออบนานๆ เนื่องจากที่บ้านอากาศชื้น ก็คงจะรู้สึกว่า เยี่ยมมากเลยค่ะ

My macaron at last.

ที่ลองทำไป 4 รอบ (แต่ละรอบเป็น ขนาดเล็กๆนะคะ) ก็เป็น กาแฟ 2 กับธรรมดา 2 ค่ะ โดยรสกาแฟ สามารถทำได้โดยการ เพิ่มผงกาแฟไป 1 ช้อนชาค่ะ โดยที่ใครบด อัลมอนด์เอง ก็สามารถนำผงกาแฟไปบด พร้อมกับอัลมอนด์ได้เลยค่ะ

recipe comes from Claudia Fleming’s The Last Course: The Desserts of Gramercy Tavern

The 2009 October Daring Bakers’ challenge was brought to us by Ami S. She chose macarons from Claudia Fleming’s The Last Course: The Desserts of Gramercy Tavern as the challenge recipe.



THE DARING COOKS OCTOBER 2009 CHALLENGE: MACAROONS

Ingredients
น้ำตาลไอซิ่ง: 2 ¼ cups (225 g, 8 oz.)
อัลมอนด์บด: 2 cups (190 g, 6.7 oz.)
น้ำตาลทราย: 2 tablespoons (25 g , .88 oz.)
ไข่ขาว: 5 (อุณหภูมิห้อง)

ส่วนที่ปุ๊กทำ จะเป็นแบบนี้ค่ะ (แค่1 ใน 4 ของสูตรเต็ม)

น้ำตาลไอซิ่ง: 60g
อัลมอนด์บด: 48g
น้ำตาลทราย: 7g
ไข่ขาว: 35g
ถ้าต้องการรสกาแฟให้ใส่ กาแฟ 1 ช้อนชาค่ะ

Directions:

1. เปิดเตาอบที่ 200°F (93°C) ผสมอัลมอนด์บดและ น้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน

2. ตีไข่ขาวจนตั้งยอดอ่อน แล้วใส่น้ำตาล ตีจน ตั้งยอดแข็ง
3. ร่อน1ใน 3ของอัลมอนด์ลงในเมอแรงค์ ตะล่อม แล้วใส่อัลมอนด์ที่เหลือลงไป โดยแบ่งเป็น 2 รอบตะล่อมอย่างเบามือ
4. ตักส่วนผสมลงในถุงบีบ ที่ติดด้วยหัวพิมพ์ขนาด 1/2นิ้วไว้
5. บีบเป็น วงขนาด 1นิ้ว (2.5 cm) ลงบนถาดที่ปูด้วย กระดาษรองอบ
6. นำเข้าอบ 5 นาที นำออกจากเตา แล้วนำออกมาพักด้านนอก เพิ่มอุณหภูมิเป็น 375°F (190°C).เมื่ออุณหภูมิได้ที่ ให้นำกลับเข้าไปอบ ต่ออีก 7-8 นาที หรือ จนมีสีอ่อนๆ

dailydelicious note: ปุ๊กอบที่ 150°C 10นาทีค่ะ

7. พักไว้จนเย็น

Crème Pâtissière buttercream

200 ml

นมสด

2

ไข่แดง

1/2

Vanilla bean

50 g

น้ำตาล

10 g

แป้งข้าวโพด ร่อน

10 g

แป้งเค้ก ร่อน



100 g

เนยจืด นิ่ม



1) นำนมและ น้ำตาล (1) ขึ้นตั้งไฟ ในขณะเดียวกันตี ไข่แดง น้ำตาล (2) เมล็ดจากฝักวานิลลา แป้งข้าวโพดและแป้งเค้ก ในชาม

2) พอนมเดือด เทนมลงในไข่แดงที่ตีไว้ โดยตีตลอดเวลาจนเข้ากันหมด

3) เทผ่านกระชอนลงในหม้อ เพื่อเอาเศษไข่ออก วางหม้อขึ้นตั้งไฟกลาง แล้วคนตลอดเวลา จนเดือด คนไปเรื่อยๆอีก 2-3 นาทีจนข้น

4) เมื่อพาสตรี้ครีมเย็น ใส่เนยลงไป โดยแบ่งเป็น 3-4 รอบ เมื่อเนยเข้ากับครีมดีแล้ว นำไปวางบนถาดน้ำแข็งต่อจนเย็นลง ตอนนี้สามารถ นำไปเก็บในตู้เย็นได้แล้วค่ะ

ทา filling แล้วประกบ macarons เข้าด้วยกันค่ะ

แช่เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนทาน เพื่อให้ filling อยู่ตัวค่ะ

October 2009 Daring Bakers Challenge #33: MACAROONS

Friday, October 23, 2009

Strawberry Yogurt Mousse Cake: Tangy sweet that you can't say no!

คงมีบางวันที่อยาก จะหนีจากความร้อน ของเตาอบไปกันบ้างใช่ไหมคะ ก็ไม่ใช่ว่าเบื่อนะคะ แต่อย่างว่าค่ะ ของหวานเย็นๆ ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ (ก็คงจะรู้กันนะคะ ปุ๊กทำขนมไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ขนมอบ ขนมไม่ต้องอบ 555 ไอศครีม ของทอด แบบว่าขึ้นชื่อว่าขนมแล้ว เธอลองหมดค่ะ)
แต่วันนี้ ก็อย่างที่บอกค่ะ ขอห่างเตาหน่อย มาทำ อะไรใกล้ ตู้เย็นแทน ^ ^ ของหวานของเราคราวนี้ หวานเย็นชื่นใจนะคะ แต่ก็ไม่ใช่แค่หวานอย่างเดียว ยังมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ของโยเกิร์ตมาตัดด้วย น่าอร่อยใช่ไหมล่ะ แล้วยังคงเอกลักษณ์เดิมค่ะ ง่ายๆ

เพียงแค่ว่าตอนที่ กดบิสกิตลงไปในพิมพ์ ก็ต้องกดแน่นๆหน่อยนะคะ ไม่งั้น เวลาเอาออกจากพิมพ์ ครัมจะไม่ติดกันค่ะ (โดยเฉพาะ สำหรับพิมพ์เล็กค่ะ)
สตรอเบอรี่แช่แข็งนี่ ควรจะมี ติดตู้เย็นเลยค่ะ เพราะเอาไป ทำขนม ได้หลายอย่างค่ะ ปุ๊กนี่ ต้องมีติดไว้ตลอดเลยค่ะ แต่ถ้าใคร อยากใช้ของสดก็ได้นะคะ ก็แทนที่ ด้วยน้ำหนักเท่ากันค่ะ

ปุ๊กเสิร์ฟของหวานชิ้นนี้ ตอนบ่ายค่ะ พร้อมกับน้ำชา ลองคิดดูสิค่ะ มูสนุ่มๆ ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว อืม....เป็นวันที่ดีมากๆเลยค่ะ

ปล. หลานชายปุ๊กชอบสูตรนี้มากๆเลยค่ะ ปุ๊กไม่คิด มาก่อนว่า เด็กๆ จะชอบขนาดนี้ ^ ^ นี่ทานไปทีเดียว 2 ชิ้นเลยค่ะ เขาบอกว่า รสชาติเหมือนโยเกิร์ตสตรอเบอรี่ แต่อร่อยกว่ามากๆ แหม เล่นเอาน้าสาวอย่างเราปลื้มเลยค่ะ


Strawberry Yogurt Mousse Cake
Makes 18 cm cake pan ( หรือ พิมพ์ 6cm 7 ชิ้นค่ะ )


100g

บิสกิตแบบโฮลมีล (ใส่ลงใน food processor แล้ว process จนแหลก)

50g

เนยเค็ม (ละลาย)

400g

สตรอเบอรี่แช่แข็ง

25ml

น้ำเลมอน

80g

น้ำตาล

8g

เจลาติน

240g

โยเกิร์ต

230 ml

Whipping cream


บดบิสกิต (ปุ๊กใช้วิธีบดด้วย ไม้นวดแป้งค่ะ - ขึี้เกียจล้างเครื่อง555)

ผสมบิสกิต กับเนยเข้าด้วยกัน แล้ว ใส่ลงในพิมพ์ กดให้แน่น

แช่เจลาตินในน้ำ

ใส่สตรอเบอรี่ กับน้ำเลมอนลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด

เทส่วนผสมลงในหม้อ ใส่น้ำตาลลงไป ต้มจนน้ำตาลละลาย

นำลงจากเตา ใส่เจลาตินลงไป แล้วคนจนเจลาตินละลาย พักไว้จนเย็น

เมื่อส่วนผสมของสตรอเบอรี่เย็น ใส่โยเกิร์ตลงไป แล้วคนให้เขากัน ด้วยที่ตีไข่

ตีครีมจน soft peaks ตัก1/3 ของครีมลงในส่วนของสตรอเบอรี่ คนให้เข้ากัน แล้ว นำส่วนของสตรอเบอรี่ ตะล่อมกลับลงมาในครีม จนเข้ากันดี

เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าตู้เย็น แช่เย็น ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจนอยู่ตัวดี


Strawberry Yogurt Mousse Cake: Tangy sweet that you can't say no!

Tuesday, October 20, 2009

You ask for it: SIMPLE CREAM SCONES, easy, easy and easy!

อย่างแรกต้องบอกก่อนเลยค่ะ ว่าพยายามลองสูตรให้หลายๆคนที่ส่ง อีเมลล์มานะคะ (เยอะเลยล่ะค่ะ แต่ก็ชอบนะคะ สนุกดีที่จะได้ลองอะไรเรื่อยๆ) เพียงแต่มีปัญหาอย่างเดียวคือ ปุ๊กทำไม่ทันค่ะ >*< เพราะบางที ได้ลองทำแล้ว แต่รสชาติไม่ดี ปุ๊กก็ยังต้องทานเองอยู่ดี (ก็จะ ทิ้งอาหาร ได้ไงล่ะเนาะ) ดังนั้น เลยอยากให้คนที่ส่งเมลล์มาขอสูตร ยังไงก็รอหน่อยนะคะ เพราะถ้าสูตรไม่ได้ลอง หรือไม่แน่ใจ ก็ไม่อยาก จะเอามาลงในบล็อกค่ะ

แต่ requestรอบนี้ ง่ายค่ะ 555 สูตร สโกนอร่อยๆ ก็หาไม่ยากนะคะ เพราะที่จะต้อง ใส่ใจให้มาก น่าจะอยู่ที่วิธีทำค่ะ เพราะส่วนผสมของสโกนเอง มีไม่มากนัก หลักๆ ก็มีแค่แป้ง เนย ผงฟู แล้วก็ของเหลวค่ะ ที่บอกว่า ต้องใส่ใจที่สุดคือวิธีทำ ก็คือ การนวดค่ะ ถึงจะบอกว่า นวด แต่มัน ไม่ใช่ขนมปังนะคะ ดังนั้น การนวดที่ว่า ก็คือ การพับแป้งไปมา แค่พอให้ แป้งติดกันเท่านั้นเองค่ะ แต่ ถ้าน้อยไป แป้งก็จะร่วนเกิน แต่มากไป ก็จะเหนียว ดังนั้น สำคัญที่สุดคือ การนวดแบบพอดีๆค่ะ ^ ^

แล้วก็เวลาผสมเนยลงในแป้งนะคะ จะใช้ food processor หรือ ใช้วิธีการตัดแป้งก็ได้ค่ะ เพียงแต่ จะแนะนำว่า ถ้าใครมักจะมีปัญหาเรื่องอากาศร้อน (หรือเป็นคนมือร้อนนะคะ) ใช้ food processor ก็ช่วยให้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ

ในหนังสือเขาเขียนไว้ว่า "Resist the urge to eat the scones hot out of the oven, as letting them cool for at least 10 minutes firms them up and improves their texture", ดังนั้น บอกได้เลยค่ะว่า สโกนอุ่นๆ จากเตาเนี่ยะ มันหอม และน่าทานมากๆเลยนะคะ แล้วก็อร่อยกว่าที่ซื้อมาจากร้านแบบเย็นๆ แน่นอนค่ะ ^ ^

From: The America's Test Kitchen Family Baking Book by America's Test Kitchen


SIMPLE CREAM SCONES
MAKES 8

2 cups (10 ounces)

แป้งอเนกประสงค์

3 tablespoons

น้ำตาล

1 tablespoon

ผงฟู

½ teaspoon

เกลือ

5 tablespoons

เนยจืด ตัดเป็นชิ้นขนาด ¼-inch แล้วแช่เย็น

½ cup (2½ ounces)

currants (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

1 cup

Whipping cream

1. เปิดเตาไว้ที่ความร้อน 450° F (230°C). วางกระดาษรองอบลงบนถาด

2. ใส่แป้ง, น้ำตาล, ผงฟู และเกลือลงในเครื่อง food processor แล้วกดปุ่ม pulse ประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ใส่เนยลงไป แล้วกดปุ่มอีกประมาณ 12 ครั้ง หรือจน ส่วนผสมเป็น เม็ดเล็กๆ แต่ยังมีก้อนเนยอยู่บ้าง นำออกจากเครื่องใส่ลงในชาม แล้วใส่ currants ลงไป (ถ้าใช้) เทครีมลงไป แล้วผสมด้วยพาย จนกระทั่งเริ่มจับตัวเป็นก้อน ประมาณ 30 วินาที

Note from dailydelicious: พอดีปุ๊กขี้เกียจล้างค่ะ 555 ก็เลยใช้วิธีตัดแป้งแบบธรรมดา ก็จะใช้วิธี ร่อนส่วนผสมทั้งหมดลงในชามใหญ่ ใส่เนยลงไป แล้วตัดจน ส่วนผสมเป็น เม็ดเล็กๆ แต่ยังมีก้อนเนยอยู่บ้างค่ะ

3. นำโดออกมาจากชามแล้วนวดเล็กน้อย จนมีลักษณะเป็นก้อนโดหยาบๆ ประมาณ 5- 10 วินาที แล้วทำตามรูปภาพ โดยการกดโดลงไปใน พิมพ์เค้กขนาด 9 นิ้ว แล้วเทออกมา แล้วจึงตัดเป็น 8 ชิ้นเท่าๆกัน

4. วางลงในถาดที่เตรียมไว้ นำเข้าอบ จนสีน้ำตาลสวย ประมาณ 12-15 นาที (กลับถาดเมื่ออบไปครึ่งทางด้วยนะคะ) นำออกมาพักไว้ 10 นาทีก่อนเสิร์ฟ


You ask for it: SIMPLE CREAM SCONES, easy, easy and easy!

Saturday, October 17, 2009

Banana Caramel Muffins:When both of my favorite flavor comes together,

หลังจากทำ caramel sauce แล้ว ก็คิดอยู่ตลอดเลยค่ะ ว่าต้องลองสูตรนี้ ^ ^ แหม ก็ของโปรดเราทั้ง 2 อย่างเลยนี่ค่ะ ทั้ง คาราเมล แล้วก็ กล้วยหอม (จริงๆของโปรดนี่เยอะแยะไปหมดเลยค่ะ ไม่ว่า จะเป็น ช็อกโกแลต, ถั่ว, แอปเปิ้ล โอ้ย....อีกหลายอย่างค่ะ แต่เอาไว้ค่อยๆ พูดถึงทีล่ะอย่างเนาะ ).

ปุ๊กทำทั้ง caramel nut muffins แล้วก็ apple and toffee muffins มาแล้ว ก็อร่อยทั้งค่ะ ^ ^ (สงสัยว่าปุ๊กจะเป็น คนบ้า คาราเมลจริงๆ นะเนี่ยะ) ดังนั้น เมื่อเห็นแบบนี้ กล้วยหอม กะคาราเมล อืม...มันต้องอร่อยแน่ๆเลยค่ะ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ปุ๊กคิดว่า คาราเมลนี้ ไปได้ดีกับเกือบทุกอย่างเลยนะคะ ^ ^ พูดแบบนี้แล้ว ก็ให้แน่ใจได้ว่า คงจะมีสูตรขนม จากคาราเมลมาเรื่อยๆค่ะ

บางคนอาจจะคิดว่า การที่ เราใส่คาราเมล ลงไป ในเนื้อขนม น่าจะทำให้ขนม มีรสชาติหวานขึ้นมาก แต่มัฟฟินสูตรนี้ ไม่ได้หวานมากค่ะ เรียกว่า เราสามารถเสิร์ฟมัฟฟิน พร้อมกับ ซ้อสคาราเมลได้ด้วยซ้ำค่ะ เรียกว่า โชว์ความชอบ คาราเมลกันแบบไม่ยั้งค่ะ
เพราะสูตรนี้ จะต้องตีไข่ให้ฟูก่อน ก็จะช่วยให้ มัฟฟินขึ้นฟู มากกว่าการเทไข่ลงไปตรงๆนะคะ (แต่ไม่ต้องคิดมากนะคะ ถึงจะตีไม่ถึง ribbon stage มัฟฟินก็ยังขึ้นค่ะ ^ ^)

ดังนั้น ถ้าใคร ชอบทั้งสองรสชาตินี้ แบบเดียวกับปุ๊กก็ลองทำเลยค่ะ น่าจะชอบสูตรนี้เช่นกัน


Adaptation from: "生キャラメルとキャラメルおやつ"(Fresh caramel and sweets that make from caramel) by Yuka Nakajima.


Banana Caramel muffins

Makes 8 ( 5x3.5cm muffin tins)

½

กล้วยหอม

1

ไข่

20g

น้ำตาลทราย

40g

เนยจืด (ละลาย)

50g

Caramel sauce

100g

แป้งเค้ก

½ tsp

ผงฟู



เปิดเตาอบที่ 170°C
วางกระดาษรองบนพิมพ์มัฟฟินขนาด5x3.5cm 8 อัน .
ร่อนแป้ง กับผงฟูเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้


ใส่กล้วยลงในถุง แล้วใช้นิ้วกดให้ละเอียด

ตีไข่จนสีอ่อนลง แล้วใส่น้ำตาล แล้วตีจนกระทั้งไข่สามารถวนเป็น เลขแปดไ้ด้ (ribbon stage)
ตะล่อมเลยลงไป แล้วตามด้วย คาราเมล ตะล่อมจนเข้ากัน

ใส่กล้วยบดลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ส่วนของแป้งตามลงไป แล้วตะล่อมอีกรอบ
แบทเทอร์จะดูหยาบๆ แต่ทุกอย่างจะเข้ากันดีค่ะ

ใส่ลงในพิมพ์ ที่เตรียมไว้
นำเข้าอบ 18-20 นาที (หรือจนเหลืองสวย และเมื่อใช้ไม้จิ้มลงไป ไม่มีเศษติดออกมาค่ะ)
เสิร์ฟอุ่นๆ หรือจะเพิ่มความอร่อยด้วย caramel sauce ก็ได้ค่ะ ^ ^


Banana Caramel Muffins:
When both of my favorite flavor comes together,
all I get is delicious muffin!

Thursday, October 15, 2009

Chicken Farm Bakers' Project # 15 : Will You Marry Me?..Yes, and they live happily ever after !

แบบว่า ตอนที่คุยกับพี่เหมียว ก็ยังบอกค่ะ ว่า จะพยายามเต็มที่ค่ะ แหม แต่โจทย์พี่ออกจะยากที่สุดเลยนะ เพราะทำเค้กแต่งงานนี่ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาใช่ไหมล่ะ >*< แต่พี่เหมียวให้ บอกด้วยว่าจะทำเค้กก้อนนี้ ให้ใคร ปุ๊กก็นึกออกทันทีเลยค่ะ

อย่างที่บอกค่ะ ว่าส่วนใหญ่ ปุ๊กก็ทำขนม ให้กับคนในครอบครัวทานค่ะ ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า คนที่สำคัญที่สุดในบ้าน ก็คงจะเป็น คุณพ่อ กับคุณแม่ค่ะ ปุ๊กก็เลยคิดว่า ถ้าเกิดว่า เราได้มี โอกาสได้ ทำเค้กแต่งงาน ให้ในวัน แต่งงานของคุณพ่อกะคุณแม่ เราจะทำเค้กแบบไหนดีหนอ ดังนั้น เรียกว่า ทำเค้กรอบนี้ปุ๊กมีลูกค้าตัวจริงนะคะ 555

ลองคิดดูสิ ว่า คุณพ่อกะคุณแม่นี่ แต่งงานกันมานานมาก แล้วนะคะ ตั้ง 45 ปีแล้ว แล้วก็รักกันมากค่ะ คุณพ่อปุ๊กรักคุณแม่มาก ดังนั้น รอบนี้ คุณแม่เลยได้สิทธิ์ ในการตัดสินใจว่า จะเอาเค้กแบบไหนค่ะ ดังนั้นทุกคนคงจะเดาได้ ว่ารสชาติที่คุณแม่ปุ๊กจะเลือก ก็คงไม่พ้น รสกาแฟค่ะ แล้วคุณแม่ยังเป็น คนเลือกเองค่ะ ว่าต้องการจะให้ ตกแต่งเค้กแบบนี้ (อันนี้ ปลี้มค่ะ ^ ^ ที่คุณแม่มีส่วนร่วมจริงๆ ในการทำ โปรเจ็คนี้ค่ะ)
แต่ว่า ปุ๊กก้ไม่ได้ปล่อยให้ การทำเค้กนี้ ผ่านไปแบบไม่ลองอะไรใหม่ๆค่ะ พอดี พี่สาวปุ๊กเล่าให้ ฟังว่า เธอได้ทานเค้กของร้าน planet cake ซึ่งเธอบอกว่า เค้กของร้านนี้ อร่อย แล้ว เธอยังทาน fondant ได้ด้วยค่ะ(ซึ่งธรรมดาเธอ จะไม่ทานค่ะ) เราก็เลยอยากรู้ว่า ทำไมมันถึงอร่อยได้หนอ

พอได้อ่านหนังสือแล้ว (The Planet Cake by Paris Cutler ),ถึงได้เข้าใจค่ะ ว่า หลักใหญ่ที่ทำให้อร่อย คือการ ใช้ กานาซแทน การใช้ mazipan แบบที่คนอื่นๆจะใช้กันค่ะ ซึ่งกานาซนั้น มีรสชาติ ดี กว่า มากมายค่ะ เลยทำให้เค้กของเธออร่อยแตกต่างจากร้านอื่นค่ะ แต่การใช้ กานาซ ก็มีข้อเสียใหญ่อยู่ค่ะ คือ มัน ไม่สามารถทนอากาศร้อน ได้ค่ะ ดังนั้น เค้กของปุ๊กก็เลยมีอาการแฉะ แล้วก็แตกเล็กน้อยค่ะ >*< แต่ก็ยังถือว่าคุ้มค่าค่ะ เพราะอร่อยกว่า การคลุมเค้กด้วยมาซิแพนมากมายค่ะ

ปุ๊กทำ fondant เองนะคะ แต่ถ้าใครจะซื้อเอาก็ได้ค่ะ เพราะแบบที่ซื้อมา จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า แบบที่ทำเองที่บ้านนะคะ แต่ ถ้าใครจะลองทำเอง ก็ไม่ได้ยากอะไรค่ะ แล้วยังหอมกว่าด้วย ปุ๊กว่าดีค่ะ (แต่ปุ๊กไม่ได้หมายความว่าอร่อยนะ, แหม ส่วนประกอบก็มีแค่น้ำตาลมัน ก็เหมือนทานน้ำตาลก้อนล่ะค่ะ ^ ^) แต่แบบทำเองนี่ เราลองทานได้เลยนะคะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรค่ะ
เค้กแบบนี้ ตกแต่งไม่ยากค่ะ พวกดอกกุหลาบเล็กๆนี่ ก็ทำง่ายนะคะ เพราะวิธีทำก็แค่ตัด fondant เป็น ชิ้น แล้วก็ ม้วนให้เป็น ดอกเท่านั้นเองค่ะ

-My Parent's Wedding Cake-

ถ้าจะทำเค้กแบบนี้ จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันนะคะ เริ่มต้น โดยการทำ กานาซ และ fondant ไว้ในวันแรก แล้วก็ อบเค้ก และคลุมด้วย กานาซไว้ ในวันที่ 2 แล้ววันสุดท้าย จึงคลุมด้วย fondant และตกแต่งด้วย ดอกกุหลาบค่ะ

Adaptation from:
The Planet Cake by Paris Cutler
Romantic Cakes by Peggy Porschen
The well-decorated cake by Toba Garrett




ROLLED FONDANT
Yield: 2 lbs (908 g)-ให้ทำ สูตรครึ่งนะคะสำหรับเค้กก้อนนี้

1 Tbsp (1 envelope) เจลาตินผง
¼ cup (60 ml) น้ำเย็น
1 tsp lemon extract, almond extract, หรือ orange extract
½ cup (6 oz or 168 g) light corn syrup
1 Tbsp glycerin (ถ้าใส่จะช่วยให้ยืดหยุดดีค่ะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
up to 2 lbs (908 g) น้ำตาลไอซิ่ง
½ tsp เนยขาว

1. โรยเจลาตินลงในน้ำเย็น พักให้นิ่มประมาณ 2 นาที แล้วนำเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที (อย่าให้ร้อนเกินนะคะ) แล้วใส่ กลิ่นลงไป
2. ใส่ corn syrup และ glycerin แล้วคนจนเข้ากัน และใส ถ้าเกิดละลายไม่เข้ากัน ให้นำเข้าอุ่น ในไมโครเวฟ ประมาณ 15 ถึง 20 วินาที แล้วคนให้เข้ากัน

3. ร่อน น้ำตาลไอซิ่ง 680 g ลงไปในชามใบใหญ่ ทำให้เป็น ร่องตรงกลาง แล้วเทส่วนของเจลาตินลงไป คนด้วย พายยาง ส่วนผสมจะเหนี่ยว
4. ร่อนน้ำตาลไอซิ่ง 225g ลงบนโต๊ะ แล้วนวด fondant (อาจจะใช้น้ำตาลหมดหรือ ไม่หมดนะคะ ) นวดจน fondant อยู่ตัวดี แต่ยังนิ่มอยู่ ทาเนยขาวที่มือ เพื่อให้ไม่ติดมือ
5. ห่อให้เรียบร้อย แล้วใส่ถุง 2ชั้น นำเข้าตู้เย็น เพื่อเก็บไว้
Note: ถ้าห่อดีๆ fondant จะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 1 เดือน หรือ แช่แข็งได้ 3 เดือนค่ะ



Make the Ganache
Recipe from: the planet cake

470g white chocolate, สับละเอีด
160ml whipping cream

1. ทำกานาซ โดยการใส่ช็อกโกแลต ลงใน ชามใบใหญ่
2. นำครีมใส่ห้อ ต้มจนเดือด แล้วเทลงในชามช็อกโกแลต คนให้เข้ากัน ด้วย ที่ตีไข่
3. พักให้เย็น และอยู่ตัว โดยพักไว้ ข้ามคืน

MERINGUE POWDER ROYAL ICING

Ingredients
7g meringue powder
20ml น้ำเย็น
75g น้ำตาลไอซิ่ง ร่อน
น้ำเลมอน เล็กน้อย

ใส่ meringue powder ลงในน้ำเย็น ตีจน soft peak ประมาณ 3 นาที ใส่น้ำตาลไอซิ่ง ตีให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอน แล้วตีเพิ่มอีก 3 ถึง 5 นาที ตีจน ได้ stiff peaks ปิดด้วยพลาสติก ไว้จนถึงเวลาใช้งาน

Make the coffee flavored butter cake
Make 3 pieces ( 7inches, 6 inches and 5inches)

300g เนยจืด
270g น้ำตาลทราย
300g แป้งเค้ก
1tsp ผงฟู
6 ไข่ (ตีให้พอเข้ากัน)
150g Whipping cream
1½ tbsp Instant coffee
3tsp น้ำร้อน
1tsp Kahlua® or other brand coffee liqueur
½tsp เกลือ
1tsp Vanilla extract

เปิดเตาอบที่ 350°F or 180°C.
ทาเนยและรองกระดาษที่พิมพ์ขนาด 7 inches, 6 inches และ 5 inches.

ร่อนแป้ง เกลือ และผงฟู เข้าด้วยกัน แล้ว พักไว้
ผสม instant coffee powder กับ Kahlua และน้ำร้อน พักไว้

ตีเนยกับน้ำตาล ประมาณ 3 ถึง 5 นาที แล้วปาดโถ แล้วใส่ vanilla extract, และใส่ส่วนของกาแฟลงไป ตีให้เข้ากัน

ใส่ไข่ทีละน้อย และตีให้เข้ากัน หลังใส่ลงไปทุกครั้ง ใส่ แป้งสลับกับครีม โดยเริ่มต้น ที่แป้ง และจบด้วยแป้ง


เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี เทส่วนผสมลงในพิมพ์ นำเข้าอบ 35-40นาที สำหรับพิมพ์เล็กสุด 45-50 สำหรับพิมพ์กลาง 55-60 นาที สำหรับพิมพ์ใหญ่สุด

พักเค้กในพิมพ์ 5 นาที ก่อน นำออกมาพักไว้ บนตะแกรงพักขนม จนเย็นลง

To decorate the cake.


1 ตัดเค้กแต่ล่ะก้อนเป็น สองชิ้น แล้วทาด้วยกานาซ

2 วางเค้กอีกชิ้นทับลงไป แล้วทากานาซให้ทั่ว เกลี่ยให้เรียบ

(ลืมถ่ายรูปค่ะ ให้ใช้ มีด จุ่มน้ำร้อน และซับน้ำ มาปาดให้เรียบนะคะ)

แล้วทับด้วย fondant สีชมพูอ่อน บนเค้กชิ้นบนและล่าง ส่วนตรงกลางใช้สีชมพู

ตกแต่งเค้กชิ้นกลางด้วย royal icing

ทำกุหลาบเล็ก โดยการตัด fondant เป็นชิ้น กว้าง1cmx ยาว 4cm ต่อ กุหลาบ 1 ดอก
ม้วน ให้เป็น ดอกกุหลาบ แล้วติดเข้าไปที่เค้ก แล้วตกแต่งด้วยroyal icing ให้เป็นใบ

เสร็จแล้วค่ะ ^ ^.


Chicken Farm Bakers' Project # 15 : Will You Marry Me?..
Yes, and they live happily ever after !

Printfriendly