Showing posts with label Coffee. Show all posts
Showing posts with label Coffee. Show all posts

Thursday, December 6, 2018

เค้กกาแฟลายหินอ่อน : Coffee Marble Cake

คิดว่า ชีวิตนี้ขาดกาแฟ ไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะตอนเช้าพอตื่นมาก็อยากจะดื่มแล้ว

Tuesday, April 12, 2016

Oreo Mocha Muffins

มัฟฟินสูตรนี้ เป็นการรวมของ สองรสชาติที่ปุ๊กชอบมากๆนะคะ คือ กาแฟ และช็อกโกแลต ซึ่งเมื่อเราเอามารวมกันแล้ว เราจะเรียกว่า รส ม็อคค่านะคะ  ^^.

Sunday, March 10, 2013

Diplomatico: Chocolate and coffee no bake cake.

วันนี้เอาเค้กง่ายๆมาฝากกันค่ะ ^^, เรียกว่าง่าย และเหมาะกับโหมดขี้เกียจของปุ๊กมากๆนะคะ 555 

Thursday, March 7, 2013

Happy birthday my friend: Coffee whole wheat entremets

ปีนี้ มีโอกาสทำเค้กวันเกิดให้เพื่อนค่ะ ^^.

Sunday, January 6, 2013

Café blanc: Coffee and white chocolate entremets

 กาแฟ กับไวท์ช็อกโกแลต ความขมกับความหวานที่แสนจะเข้ากันดีนะคะ ^^ 

Thursday, November 29, 2012

Coffee ice, cookie sandwich: Making delicious ice cream without the machine.

ช่วงนี้อยู่ที่บ้านคุณพี่สาวเยอะมากค่ะ เลยเป็นเวลาที่ จะไม่ได้มีอุปกรณ์ครบเหมือนอยู่บ้าน โดยเฉพาะเวลาอยากทำไอศครีม ก็ไม่มีเจ้าเครื่องทำไอศครีมค่ะ  

Thursday, September 27, 2012

Cappuccino Coffee entremets: I can't stay away from you.

อย่างที่เคยบอกไว้ค่ะ ว่า ปุ๊กชอบทำ เจ้า entremets จริงๆเลย เป็นความหลงไหลอย่างนึงถึงแม้มันจะต้องใช้เวลาทำทีล่ะ สองถึงสามวันก็เถอะนะ 555 

Tuesday, June 26, 2012

Coffee Meringue Cake: Enjoy the sweetness in our life.

 วันนี้ ขอเสิร์ฟของหวานๆ แต่เป็นของหวานที่ใครๆก็คงไม่ปฏิเสธนะคะ ^^

Thursday, November 3, 2011

Poussière d’étoile: Chocolate and coffee tart with stardust!

ปุ๊กเพิ่งได้หนังสือใหม่มาอีกล็อตนึงจาก Amazon France ค่ะ ^^ ตอนแรกก็กลัวๆ ว่าจะไปติดช่วงน้ำท่วมจะทำให้หนังสือมาช้า ยังดีที่มาถึงเร็วเท่าเดิม คราวนี้มีหนังสือที่อยากจะได้มากๆเลยอยู่เล่มนึงคือ  "Pièce unique : 40 desserts à l'assiette simples et chics" หนังสือใหม่ของคุณ Christophe Felder. 

Tuesday, October 11, 2011

Brésilienne: Coffee and Caramel Entremets from Hidemi Sugino's Book

 ปุ๊กก็พยายามนะคะ ที่จะลองสูตรที่ตัวเองมีอยู่ให้มากที่สุด แต่เอาเข้าจริง ก็ทำได้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ อย่างว่านะ ก็ทำขนมเป็นงานอดิเรก ในบางครั้งก็ขี้เกียจค่ะ 55 เหตุผลง่ายๆแค่นั้นเอง

Thursday, August 4, 2011

Espresso Cupcakes: Beware this cake is not for kids!!

ปุ๊กว่านะ คัพเค้กเนี่ยะ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เยี่ยมยอดมากๆในโลกของการทำขนมค่ะ อิอิ ก็นะ ชิ้นเล็กก็จริง แต่สามารถจะใส่อะไรต่อมิอะไรที่เราชอบลงไปได้ตั้งเยอะค่ะ เรียกว่า "the cup of happiness ^^" ได้เลยใช่ไหมล่ะ

Monday, June 20, 2011

Chicken Farm Baker's Project # 35: Sweet Enhancer! Rum and coffee mini Bundt with chocolate sauce

 เอ้อ!.............. แบบว่า ปุ๊กนี่เป็นคนที่มีอะไรที่อยากทำเยอะมากๆค่ะ จนกระทั่งเกือบลืม  Chicken Farm Baker's Project ของเดือนนี้ไปเลยล่ะ ^^" แต่ยังถือว่า โชคดีค่ะที่มีเพื่อนๆคอยเตือน อิอิ คราวนี้ พอมีโอกาสได้อยู่บ้านก็เลยต้องรีบทำซะเลย .

Thursday, March 17, 2011

Chicken Farm Baker's Project # 32: !!Life is always bittersweet!! Espresso Thimbles

 เพราะชีวิตคนเรา มันมีทั้งหวานและขม ^^,ซึ่งปุ๊กเชื่อจริงๆเลยค่ะ ในคำกล่าวนี้ และเพื่อให้ทุกคนเชื่อพวกเรา เดือนนี้ ชาวฟาร์มไก่ จะมาแสดงให้ดูผ่านขนมนี่ล่ะ  !!!!!!!

Thursday, February 24, 2011

Coffee Macarons with Caramel Coffee Ganache: Less sweet more delicious macarons

รสชาติแรกที่หลายๆคนมักจะพูดถึงเวลาคิดถึงมาคารอง ก็คงเป็นความหวานนะคะ เพราะตามสูตรแล้ว ตัวของมาคารอง มันจะต้องใช้น้ำตาลในปริมาณมากค่ะ นี่เป็นส่วนหนึ่งเลย ที่ทำให้ปุ๊กเองก็ไม่ค่อยได้ทำ เพราะคนที่บ้านไม่ได้ชอบทานขนมหวานจัดกันค่ะ และการจะปรับสูตรสำหรับมาคารองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยสิคะ เพราะการทำขนมเป็นวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเจ้ามาคารองเนี่ยะ สุดๆเลยค่ะ

Sunday, January 23, 2011

Entremets Glacé "Cappuccino": You'll need Frozen Coffee!!!

ปุ๊กรู้ว่า มัน เป็นข้อเสียเหมือนกันนะคะ ^^" ปุ๊กอะ ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นเลย แต่ว่า สำหรับเรื่องสูตรขนมนี่ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกค่ะ เพราะว่า เวลาที่ปุ๊กตกลงว่า จะทำให้ คนที่ขอมาก็ได้สูตรอร่อยๆ ส่วนปุ๊กเองได้ทั้งสูตรอร่อยๆ แล้วก็ขนมอร่อยๆไว้ทานด้วยพร้อมกันเลยยยย สำหรับรอบนี้ คุณคริส ถามมาว่า ไอศครีมเค้กทำยากไหม ปุ๊กก็ตอบได้คำเดียวว่า ไม่ยากค่ะ เพราะปุ๊กอยากทำนะสิ 555 

Monday, November 15, 2010

Chicken Farm Baker's Project # 28 : Tiramisu in my style: Mocha Oreo Tiramisu

อิอิ ปุ๊กว่า ใครๆคงว่า ทำไมสูตรมันยาวๆๆๆๆๆๆ มากขนาดนี้ล่ะเนี่ยะ แต่ก็นะ ยอมรับค่ะว่า มันยาวมากจริงๆ พิมพ์เองยังงงตัวเองเลย 555  
ก็นะ พอได้รับโจทย์ของเดือนนี้ มา"Chicken Farm Baker's Project # 28 : Tiramisu in my style",ปุ๊กก็เอาแต่นั่งคิดละค่ะ ว่าอยากจะทำทีรามิสุแบบไหน ที่จะเป็นรสชาติแบบใหม่ที่เราต้องการ
เพราะเพื่อนๆคงรู้ว่า ปุ๊กชอบทีรามิสุมากๆค่ะ แล้วก็เป็น ขนมที่ทำบ่อยมากๆเลยด้วยค่ะ ดังนั้น ส่วนตัวก็ชอบแบบคลาสสิกที่สุดค่ะ แต่การที่ชอบแบบคลาสสิกก็ไม่ได้แปลว่า เราจะลองทานแบบใหม่ๆไม่ได้นิคะ ก็เลยต้องมาลองคิดดูว่า เจ้าครีม อร่อยๆจากมาสคารโปเน่ชีสเนี่ยะ มันจะสามารถนำไปอยู่ร่วมกับส่วนผสมอะไรได้อีกหนอ (แต่ก็ไม่ยากค่ะ เพราะตัวครีมมันอร่อยและรสชาติอ่อน สามารถเข้ากับรสชาติอย่างอื่นได้ง่ายค่ะ) 
ปุ๊กก็เลยเลือกส่วนประกอบที่จะนำมามิกซ์กับครีมเป็น โอรีโอและครีมกาแฟ แทนค่ะ เรียกว่า เป็นการแปลงจากต้นตำหรับไปนิดหน่อยค่ะ เพราะ Oreo นี่ก็เป็นของโปรด แล้วกาแฟก็เป็นรสชาติที่ชอบมากๆด้วยนะสิคะ เมื่อมารวมกันอยู่ในแก้ว พร้อมๆกับ mascarpone cream ก็ต้องอร่อยแน่นอนค่ะ 
แต่คราวนี้ปุ๊กเลือกที่จะทำครัมเองนะคะ ว่าไปก็ทำไม่ยากค่ะ แล้วยังได้รสชาติเข้มข้นมากๆเลย แล้วก็เพิ่มเมอแรงค์ลงไป เพื่อให้รสชาติของทั้งหมดเข้ากันดีขึ้นค่ะ  

เรียกว่า สูตรคราวนี้ เป็นแค่คำแนะนำค่ะ คือ จะทำตามสูตรเลยก็ได้ หรือจะเลือกทำตามทางลัดที่ปุ๊กจะบอกต่อไปก็ได้นะคะ ^^ เริ่มต้นคือ ใช้เจ้าคุกกี้โอรีโอเลยค่ะ ไม่ต้องทำครัมเอง ต่อมาคือ ใช้เมอแรงค์ที่ซื้อเอาก็ได้ค่ะ ไม่ต้องทำเอง คราวนี้ก็เหลือแค่ 2 อย่างที่ต้องทำเองแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะในส่วนของแผ่นช็อกโกแลตนี่ เรียกว่า เป็นการตกแต่งค่ะ เมื่อใช้จะช่วยให้เห็นชั้นของครัม และครีมชัดขึ้นเท่านั้นเอง จะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ได้มีผลกับรสชาติมากนักค่ะ คราวนี้ก็สามารถทำขนมชิ้นนี้ ได้อย่างรวดเร็วเลยใช่ไหมล่ะ (น่าจะเร็วกว่าปุ๊กสัก 3 เท่าเลยค่ะ 555) 
คราวนี้ พอรู้ทางลัดแล้วก็อย่ามัวนั่งอ่านบล็อกปุ๊กอยู่เลยค่ะ ไปเข้าครัวทำทีรามิสุกันเลยดีกว่า แบบว่าทำได้รวดเร็วกว่าของปุ๊กขนาดนี้ ยังไงก็ต้องลองใช่ไหม   ^-^

Note on flavor: สำหรับขนมคราวนี้ อยากจะฝากโน้ตนิดนึงค่ะ เพราะอยากให้ออกมาถูกใจกัน^^.
1. ถ้าชอบรสชาติกาแฟเข้มๆ ก็ทำตามสูตรนะคะ แต่ถ้าไม่ชอบให้ขมมาก ให้ลดกาแฟเป็น 6กรัม และลดน้ำตาลเป็น 10 กรัมแทนค่ะ 
2. เมอแรงค์ที่ใส่เข้าไป ไม่ใช่แค่การตกแต่งนะคะ แต่เป็น ส่วนหนึ่งของรสชาติของขนมค่ะ อย่าสกิปนะคะ 3. ทีรามิสุจะรสชาติดีขึ้น เมื่อได้พักไว้ประมาณ 12-24ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟค่ะ 


Mocha Oreo Tiramisu
Serves 6 


-Crème Cappuccino-
40g ................................. whipping cream (A)
8g ................................... กาแฟผงสำเร็จรูป (Instant coffee powder)
1 ..................................... ไข่แดง
15g ................................. น้ำตาลทราย
75g ................................. whipping cream (B)
60g ................................. ไวท์ช็อกโกแลต (white chocolate)
25g ................................. whipping cream (C)  

-Mascarpone Cream-
200g .............................. Mascarpone cheese
30g ................................. ไข่แดง (ประมาณ 1½ ฟองค่ะ)
1tsp ................................ Kahlua® หรือเหล้ากาแฟยี่ห้ออื่น 
45g ................................. ไข่ขาว (ประมาณ 1½ ฟองค่ะ)
45g ................................. น้ำตาลทราย

-Homemade Oreo Crumbs-
30g ................................. เนยจืด
50g ................................. น้ำตาลทราย
¼tsp .............................. vanilla extract
40g ................................. ช็อกโกแลต semisweet chocolate (แบบที่มีช็อกโกแลตประมาณ 50%ค่ะ)
50g ................................. แป้งอเนกประสงค์
25g ................................. ผงโกโก้
......................................... เกลือเล็กน้อย 

-Meringue-
50g ................................. ไข่ขาว
100g ............................... น้ำตาล
20cc ................................ น้ำ

-Chocolate Disk-
50g .................................. มิลล์ช็อกโกแลต (Milk chocolate)

Make the meringue:
Note: ทำออกมาแล้วอาจจะมากกว่าที่จะต้องใช้นิดหน่อยนะคะ แต่ก็สามารถนำมาทานเล่นหรือเอามาทานกับวิปปิ้งครีมก็ได้นะคะ เรียกว่าทำไว้ไม่ผิดหวังค่ะ  ^^.

เปิดเตาอบที่110°C
วางกระดาษรองอบบนถาด 

ใส่น้ำตาลและน้ำลงในหม้อ น้ำขึ้นตั้งไฟปานกลาง
เมื่อน้ำเชื่อมอุณหภูมิประมาณ 100°C, ให้เริ่มตีไข่ขาว
เมื่อน้ำเชื่อมร้อนถึง  117°C เทลงใส่ไข่ขาว เป็นสายและตีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมอแรงค์เย็น 

ใส่เมอแรงค์ลงในถุงบีบ ที่ใส่หัวบีบขนาด 1.2cm ไว้ บีบเป็น เส้น 
นำเข้าอบประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วพักจนเย็นในเตา ก่อนจะเก็บใส่กล่องค่ะ 

Make the milk chocolate disk:

How to temper the chocolate in microwave:



1. ใส่ 2 ส่วน3 ของช็อกโกแลตลงในชามพลาสติก (ชามชนิดอื่น จะเก็บความร้อนมากไปนะคะ) ที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ (แยกอีกส่วนเก็บไว้ก่อนค่ะ เราต้องใช้ หลังจาก ช็อกโกแลตส่วนแรกละลายแล้ว)

2. นำเข้าไมโครเวฟ แล้ว ให้ความร้อน ประมาณ 30 วินาทีที่ไฟปานกลาง แล้วนำออกมาคน นำเข้าอีก 30 วินาที แล้วนำออกมาคน ทำเช่นนี้ จนช็อกโกแลตละลาย
3. โดยช็อกโกแลตจะค่อยๆละลายค่ะ เมื่อช็อกโกแลตละลายหมด ลองวัดอุณหภูมิ จะอยู่ที่ประมาณ45°C.

4. ใส่ช็อกโกแลตที่แบ่งไว้ลงไป ค่อยๆใส่ และค่อยๆคนค่ะ (อย่าคนมากไปนะคะ) อุณหภูมิของช็อกโกแลตจะค่อยๆลดลงค่ะ
5. ช็อกโกแลตจะค่อยๆข้นข้น และเนื่องจากเริ่มเย็นตัวลง อาจจะมีช็อกโกแลตบางส่วนละลายไม่หมด ให้ใช้  hairdryer เป่าให้ละลายค่ะ แต่ก็ไม่จะเป็นต้องเป่านานนะคะ ช็อกโกแลตจะค่อยๆละลายต่อเอง เมื่อได้รับความร้อน
6. เช็คอุณหภูมิของช็อกโกแลตที่ได้นะคะ ถ้าทำได้ถูกต้อง อุณหภูมิ จะอยู่ที่  29°C.
Note: ถ้าช็อกโกแลตร้อนเกินไป อาจจะต้องใช้ช็อกโกแลตมากกว่า ที่กำหนดไว้ในสูตรใส่ลงไปเพิ่ม เพื่อให้อุณหภูมิลดลงตามที่ต้องการค่ะ




เทช็อกโกแลตลงบนแผ่นพลาสติก (หรือ อลูมิเนี่ยมฟรอย) แล้ว ปาดให้เรียบ
พักไว้จนเกือบแข็งตัว (เช็คเรื่อยๆนะคะอย่าให้แข็งเกินไป)
พอเริ่มแตะแล้วไม่ติดนิ้ว ก็ตัดให้เป็น วงขนาดที่ต้องการ (ให้พอดีกับขนาดที่ใส่แก้วได้ค่ะ)
นำทั้งหมดเข้าแช่ตู้เย็น 10-20 นาที แล้ว แกะแผ่นช็อกโกแลตออกมา
พักไว้ ในตู้เย็น โดยวางในกล่องขั้นแต่ล่ะแผ่นด้วย กระดาษรองอบจนพร้อมใช้ 


Make the Homemade Oreo crumbs:


ละลายช็อกโกแลตกับเนยด้วยกัน โดยใส่ลงในชามแล้ววางไว้บนชามน้ำอุ่น
ร่อนแป้ง เกลือ และผงโกโก้เข้าด้วยกัน 


เทช็อกโกแลตละลายลงในส่วนของแป้ง แล้ว คนให้เข้ากัน 
นำเข้าแช่เย็น 2 ชั่วโมงจนอยู่ตัว 

เปิดเตาอบที่ 180°C
วางกระดาษรองอบไว้บนถาด 


บิโดเป็น ก้อนเล็กๆ (หรือถ้าแข็งมากก็ให้ใช้มีดตัดค่ะ) 
นำเข้าอบประมาณ 10 นาที แล้วลดไฟลงเหลือ 150°C แล้วอบต่อ 5นาที  
นำออกจากเตาแล้วพักจนเย็น ก่อนเก็บไว้ในกล่อง

Make Crème Cappuccino:


ใส่กาแฟผงสำเร็จรูปพร้อม whipping cream (A)ลงในหม้อใบเล็ก แล้วนำขึ้นตั้งไฟ
ในขณะเดียวกัน ก็ตีไข่แดงกับน้ำตาลตีรวมกัน 
เมื่อ into a small saucepan and bring to boil, meanwhile beat the yolk with the sugar until เมื่อวิปปิ้งครีมเดือด เทลงในส่วนของไข่แดงอย่างช้าๆ โดยตีตลอดเวลา จนเข้ากันดี 


เทส่วนผสมกลับไปในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟอ่อน จนกระทั่งข้นขึ้น แล้วนำลงจากเตามาพักไว้ 


ละลายไวท์ช็อกโกแลตโดยใส่ลงในชามแล้ววางบนชามน้ำอุ่น เมื่อช็อกโกแลตละลาย เท whipping cream (C) ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน 


ตีวิปปิ้งครีม whipping cream (B) จนกระทั่งตั้งยอดอ่อน


ตัก ¼ ของวิปปิ้งครีมลงในส่วนของไวท์ช็อกโกแลต แล้วคนให้เข้ากัน แล้วเททั้งหมดกลับลงไปในส่วนของวิปปิ้งครีม ตะล่อมให้เข้ากัน 


ตัก ¼ ของส่วนผสมของวิปปิ้งครีมและไวท์ช็อกโกแลตลงในส่วนของกาแฟ คนให้เข้ากัน แล้วเททั้งหมดกลับลงไปในชามของ วิปปิ้งครีม ตะล่อมให้เข้ากัน 


เทส่วนผสมของ Crème Cappuccino ลงในถุงบีบ แล้วบีบลงในถ้วยที่ต้องการ นำเข้าแช่ตู้เย็น ระหว่างทำขั้นตอนต่อไป 

Make the Mascarpone Cream:


ตีไข่แดง กับน้ำตาล 25กรัม ให้เข้ากัน แล้วใส่ mascarpone และ เหล้ากาแฟ 1 ช้อนชา คนให้พอเข้ากัน
Note from dailydelicious: ในการผสมมาสคาร์โปเน่ ให้ใช้พายยางปาดไปมาอย่างเบามือก่อนก็ดีค่ะ จะช่วยไม่ให้ ไขมันแตกตัวได้



ตีไข่ขาวให้พอเป็นฟอง แล้วใส่น้ำตาล ที่เหลือ ลงไป แล้วตีจนตั้งยอดเกือบแข็ง (medium stiff peaks) 
ใช้ช้อนคันใหญ่ หรือพายยาง ค่อยๆ ตะล่อมไข่ขาว ลงไปในส่วนผสมของไข่แดงและชีส


ใส่ Mascarpone Creamลงในถุงบีบแล้วบีบลงในถ้วยที่มี Crème Cappuccino แล้ววางทับด้วยOreo crumbs 


วางแผ่นช็อกโกแลตลงด้านบน แล้วบีบ Mascarpone Cream ลงไปอีกรอบ 
พักไว้ในตู้เย็น 
เมื่อต้องการเสิร์ฟ วางเมอแรงค์ลงด้านบน แล้วเสิร์ฟค่ะ 

Chicken Farm Baker's Project # 28 : 
Tiramisu in my style: Mocha Oreo Tiramisu

Sunday, July 4, 2010

Starbucks Coffee College, and I think I know something more than a cup of coffee!




-How do you like you coffee?-

ปุ๊กว่า หลายๆคนก็คงเป็นเหมือนปุ๊กนะคะ ที่พูดได้ว่าชอบทานกาแฟ แต่เราส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้ใส่ใจ หรือ สนใจอะไรมากนัก เพราะทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้ มาถึงมือเราอย่างง่ายดายเหลือเกิน
แต่ถ้าใครจะถามออกมาตรงๆว่า "แล้วมันจำเป็นด้วยเหรอ ที่เราจะต้องรู้จักหรือศึกษาอะไรมันมากมายนัก" ปุ๊กก็คงตอบได้เลยค่ะ ว่า "ไม่เลย" เพียงแต่การได้ศึกษาและรู้จักมากขึ้น น่าจะทำให้เรา ได้รุ้สึกเคารพในที่มาของสิ่งต่างรอบๆตัวเรา และได้คิดถึงผู้คนมากมายที่ทำงานต่างๆ เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย อย่างที่พวกเราได้รับกันอยู่ทุกวันนี้ ^^

คราวนี้สิ่งที่ปุ๊กจะพูดถึงก็คือ เจ้ากาแฟถ้วยเล็กๆ ที่เราดื่มกันทุกวันนี่ล่ะค่ะ ซึ่งเมื่อดูให้ละเอียดแล้ว ก็จะพบว่าทั้งสถานที่ที่ปลูก และคนที่ปลูก ก็สำคัญมากทีเดียวสำหรับการได้มาของกาแฟอร่อยๆที่หลายๆคนติดกันนี่ล่ะค่ะ
คราวนี้ ปุ๊กมีโอกาสได้ เข้าร่วม -Starbucks Coffee College- ในชื่อว่า “Sumatra Coffee Journey” event ที่จัดขึ้น ที่ร้านสตาร์บัคส์ สาขาทองหล่อ เมื่อวันที่วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เองล่ะค่ะ แบบว่างานนี้ เรียกว่า ปุ๊กนี่ เต็มใจรับคำเชิญอย่างแรงเลยค่ะ เพราะแหม ถ้าอ่าน บล็อกปุ๊กมาก็คงจะรู้กันอยู่แล้วนะคะ ว่าปุ๊กอะ ชอบ  Starbucks,อยู่แล้วเป็นทุนเดิม 
ซึ่งก็เป็นงานที่ ทาง Starbucks เชิญชาวบล็อกเกอร์ จำนวน 10 คน (รวมปุ๊กด้วย) มาร่วมกันเรียนรู้เรื่องราวของกาแฟด้วยกันค่ะ 

ปุ๊กเอง ต้องยอมรับว่า ได้เรียนรู้อะไรมากมายค่ะ เช่น การที่กาแฟมาจากถิ่นที่ต่างกัน ก็จะให้ทั้งรสชาติและกลิ่นที่ต่างกันออกไป เช่น กาแฟที่มาจาก Latin America จะมีความสมดุล สดชื่น มีชีวิตชีวา (อิอิ ฟังแล้วเหมือนเป็น โปรเรื่องกาแฟปะคะ จริงๆแล้วคือ ปุ๊กจำที่เขาสอนมาเล่าต่อให้ฟังกันค่ะ ^^), หรือถ้าเป็นกาแฟที่มาจาก แถบ Africa จะมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ และมีรสชาติคล้ายเบอรี่ และสุดท้าย คือ กาแฟที่มาจากทางเอเซีย ที่มีกลิ่นหอมคล้ายเครื่องเทศ และมีกลิ่นหอมของธรรมชาติ ซึ่งอันนี้ปุ๊กบอกได้เลยว่า ตอนที่เขาให้ลองดมกาแฟ ชอบกลิ่นของกาแฟที่มาจากเอเซียมากที่สุดเลยค่ะ คือ พอดมเข้าไป แล้วหลับตา จะให้อารมณ์ คล้ายๆกับเรารู้สึกสดชื่นหลังฝนตกนะคะ แต่ สำหรับกาแฟตัวนี้ พอดื่มเข้าไป อืม...รสชาตินี้ หนักอึ้งเลยค่ะ 

-The Aroma Lab Table-

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการเรียนรู้เรื่องกาแฟ ก็คือ การทำ aroma lab ค่ะ โดยการที่เราจะได้ทดลองดมกลิ่นต่างๆ เช่นผลไม้ เครื่องเทศ ดิน เห็ด และอื่นๆ แล้วพยายามจินตนาการ ถึงกลิ่นของพวกนั้น ให้ออกมาเป็น อารมณ์ และจดจำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ เพื่อที่ว่า เราจะได้ นำมาอธิบาย เมื่อถึงเวลาที่เราจะได้ชิมกาแฟกันค่ะ (คล้ายๆกับการบรรยายไวน์นะคะ) แต่ถ้า ให้ปุ๊กบอกตรงๆคือ ปุ๊กอะ จำไม่ค่อยได้หรอกค่ะ อืม...มันออกจะเยอะนะ และเราก็คงไม่สามารถทำได้ ภายในเวลาอันสั้นค่ะ   

-The coffee with cake, scone and cream-

ก็นะ ปุ๊กก็คงไม่สามารถกลายเป็น Coffee master ได้ภายในหนึ่งวันนะคะ 5555 แต่ก็รู้สึกว่า ได้ความรู้มากมาย จากทั้งคุณหนึ่ง (Coffee master ตัวจริง ^^) และคุณจุ๋ม ได้มาบรรยายให้พวกเราชาวบล็อกเกอร์ได้ฟัง และเรียนรู้นั้น ก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะการเดินทางจากเจ้าต้นกาแฟ จนกว่าจะมาถึงมือเรา เป็นกาแฟร้อน ที่ทำให้เราได้รู้สึกดี และอบอุ่นนั้น มันเป็นการเดินทางที่แสนไกล เกินกว่าที่ใครจะเคยคิดเชียวนะคะ (โดยเฉพาะคราวนี้เป็นการเดินทางจาก  Sumatra Lake Toba จนมาถึงมือเราค่ะ)

เรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งจากคนในท้องถิ่นที่ปลูกกาแฟ (ที่ผู้หญิงต้องทำงานหนักกว่า เพียงเพราะ เธอทำงานละเอียดอ่อนได้ดีกว่า -*-) หรือตัวของสถานที่ที่ใช้ปลูก ซึ่งเรียกว่า Lake Toba ซึ่ง เคยเป็น ภูเขาไฟ ที่ระเบิด และยุบตัวลง กลายเป็น ทะเลสาบขนาดยักษ์  หรือ เรื่องราวของการ ทำ โครงการ Shared Planet ของทาง Starbucks ที่เข้าไป ช่วย ชาวไร่กาแฟในการวางแผนการปลูก (อันนี้แปลกดีค่ะ แบบว่า การปลูกกาแฟมันต้องละเอียดขนาดว่า กาแฟแต่ล่ะต้น ต้องห่างกันเท่าไหร่ หรือ ห่่างจากถนนแค่ไหนด้วยนะ) เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพ และ ยังขายได้ราคาดีขึ้นด้วยค่ะ และอย่างที่พวกเราก็รู้ๆกันอยู่ว่า แหล่งปลูกกาแฟนั้น หลายๆที่เป็นที่ที่ด้อยพัฒนา การทำงานของพวกเขานั้น เต็มไปด้วยความยากลำบากมากมาย ปุ๊กก็เลยเชื่อค่ะว่า หากคนที่ดื่มกาแฟ ได้คิดถึงชาวไร่กาแฟเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ในอนาคตข้างหน้า ย่อมมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสำหรับชาวไร่ที่ตั้งใจปลูก และผลิตกาแฟมาให้พวกเรา และพวกเราเอง ที่ต้องอยู่ร่วมกันบนโลกในเล็กๆใบนี้ค่ะ 

หลังจาก 2 ชั่วโมงของการ พูดคุยและชิมกาแฟหลายแก้ว สิ่งที่ปุ๊กรู้สึกมากที่สุดคือ ความรู้สึกขอบคุณค่ะ ขอบคุณทั้งคนปลูก คนรดน้ำคนเก็บ และคนที่ทำอีกหลายๆขั้นตอน กว่าที่จะมาเป็น กาแฟถ้วยเล็กๆในมือเรา ทำให้รู้สึกว่า ต่อไป เมื่อดื่มกาแฟแต่ละแก้วจะคิดถึงสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น เพราะว่า บางทีอนาคตของทั้งหลายๆคน และพวกเราที่อยู่ร่วมกันบนโลกไปนี้ อาจจะขึ้นอยู่กับกาแฟแก้วต่อที่เรากำลังจะดื่มกันก็ได้นะคะ

-ของที่ระลึก เป็นที่ชงกาแฟ, กาแฟSumatra และแก้วกาแฟ 
เอาไว้มาชงกาแฟ หอมๆ แต่รสชาติหนักแน่นที่บ้านค่ะ -

ปล. สุดท้ายนี้ ขอบอกตามตรงว่า ปุ๊กอาจจะสอบไม่ผ่านในการเป็น Coffee master เพราะแยกอะไร ไม่ได้ออกเลย 555 แต่ปุ๊กยังเชื่อว่า เราไม่จำเป็น ต้องเป็น Coffee master เพียงเพื่อจะดื่มกาแฟให้อร่อยหรอกค่ะ แค่ขอใหเรามีความสุขกับมันก็พอแล้วล่ะค่ะ ^^   

Printfriendly