เรียกได้ว่าเป็น love at first sight เลยค่ะ สำหรับเค้กสูตรนี้ คือพอเห็นที่หน้าปกของนิตยสาร Vogue E+T issue: October/ November 2008, แล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเค้กที่สวยมากๆเลย แล้วยิ่งพอมาอ่านสูตร เห็นส่วนผสมที่มีทั้ง strawberry, mascarpone, almond cake และ amaretto,ยิ่งทำให้คิดได้เลยว่า เค้กสูตรนี้ต้องออกมาอร่อยแน่เลยค่ะ
สุดท้ายก็เลยได้ทำแค่ครึ่งสูตรค่ะ และแล้ว ปุ๊กก็ออกอาการต๊องอีกรอบค่ะ เพราะว่า ตามสูตรเดิมเขาใช้พิมพ์ขนาด 23 เซนติเมตร ซึ่งเมื่อลดเป็นครึ่งสูตร ปุ๊กจะต้องใช้พิม์เค้กขนาด 18 เซนติเมตรแทนค่ะ แต่ปุ๊กดันไปใช้พิมพ์ขนาด 15 เซนติเมตรแทนนะสิ 555 เค้กปุ๊กก็เลยออกมาสูงปรี้ดอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ก็พยายามจะคิดนะคะ ว่า สูงๆก็ดูหรูดีค่ะ (แต่จริงๆแล้วไม่ควรเลยค่ะ เพราะตอนที่ยังไม่ตัดก็โอเคนะคะ แต่ตอนตัดนี่สิ มันล้มลงมาเลยอ๊ะ, สรุปได้คำเดียวค่ะ ว่าห้ามทำตามเด็ดขาด 555) แต่เรียกว่านอกจากเรื่องเปิ่นๆ ที่เกิดจากความผิดพลาดของปุ๊กเอง เค้กออกมาดีมากเลยค่ะ almond cake เข้ากันดีมากกับ สตรอเบอรี่ และ mascarpone แล้วก็ปุ๊กชอบกลิ่นของ marzipan และ amaretto ด้วยค่ะ กลิ่นมันหอมเข้ากันดีนะคะ ยิ่งพอมาราด white chocolate ganache ด้านบน อืม perfect ค่ะ ปุ๊กทำ white chocolate ganache มาเต็มสูตรนะคะ ใครจะทำแค่ครึ่งสูตรก็ได้ค่ะ แต่สำหรับปุ๊ก ช็อกโกแลตยิ่งเยอะ ยิ่งอร่อยค่ะ
Adaptation from: Vogue E+T issue: October/ November 2008
Strawberry Layer Cake
Makes 18 cm (2-layers cake)
FOR DECORATING | |
60 g | strawberry jam, อุ่น (ปุ๊กใช้แบบน้ำตาลน้อยนะคะ) |
200g | strawberries, ตัดจุก แล้วก็ตัดครึ่ง (หรือฝานเป็นแผ่น) |
3ดอก | กุหลาบแบบไม่มียาฆ่าแมลง (ปุ๊กใช้ ดอกเฟื่องฟ้าแทนค่ะ) |
1 | ไข่ขาว |
| น้ำตาลทรายละเอียด |
80ml | Whipping cream |
1 teaspoon | glucose syrup (แบะแซ) |
175g | Lindt white chocolate, สับละเอียด |
| |
ALMOND CAKES | |
3 | ไข่ แยกไข่ขาว ไข่แดง |
110g | น้ำตาลทรายละเอียด |
35g | marzipan, ขูด หรือบิเป็นชิ้นเล็กๆ |
⅛ teaspoon | cream of tartar |
75g | แป้งเค้ก |
| |
FILLING | |
5g | เจลาติน |
30 ml | amaretto liqueur |
60g | น้ำตาลทรายละเอียด |
50g | ไข่แดง |
70 g | ไข่ขาว |
250g | mascarpone |
เปิดเตาอบที่ 180°C
For cakes:
ทาเนยที่พิมพ์ขนาด 18cm 2 อัน แล้ววางกระดาษลองอบไว้ด้านล่าง
ตีไข่แดง marzipan น้ำตาล 85 กรัม และน้ำ ½ tablespoon ให้เข้ากัน โดยใช้ hand mixer จนขึ้นเป็น 3 เท่า หรือ ประมาณ 3 นาที
ใส่ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะของ meringue ลงในส่วนของไข่แดง ตะล่อมให้เข้ากันแล้ว ร่อนแป้งลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วค่อยๆใส่ meringue ที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เสมอกัน
นำเข้าอบประมาณ 18 นาที หรือจนเมื่อกดเบาๆแล้วไม่ยุบ โดยสลับด้านเมื่ออบไปครึ่งทาง เพื่อให้เค้กสุกเสมอกัน
พักเค้กไว้ในพิมพ์ประมาณ 10 นาทีก่อนนำออกมาพักบนตะแกรง
For filling:
ใส่ Amaretto ลงในเจลาติน คนให้เข้ากัน แล้วนำเหล้าที่เหลือไปต้มกับน้ำตาล 30 กรัม เมื่อน้ำตาลละลายหมดให้นำลงจากเตา ใส่เจลาตินลงไป แล้วคนให้ละลาย
ตีไข่แดง และ ส่วนของเหล้าเข้าด้วยกัน แล้วเทลงใน mascarpone, คน (หรือตะล่อม) ให้เข้ากัน
ตีไข่ขาวจนตั้งยอดอ่อน ค่อยๆใส่น้ำตาลลงไป แล้วตีจนตั้งยอดแข็ง ใส่ meringue ลงในส่วนผสมของ mascarpone แล้วตะล่อมให้เข้ากัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบ
วางสตรอเบอรี่แบบตั้งขึ้น และติดไปกับพิมพ์ด้านข้าง วางสตรอเบอรี่ที่เหลือลงด้านใน เท Filling ลงไป แล้วก็วางสตรอเบอรี่ลงไปอีก เกลี่ยให้เท่ากัน แล้วเคาะพิมพ์เบาๆ เพื่อให้ไม่มีช่องอากาศ ทาแยมที่เหลือลงบนเค้กอีกก้อน แล้ววางเค้กโดยด้านที่แยมอยู่ด้านล่างทับลงบน Filling แล้วห่อด้วยพลาสติก นำเข้าแช่ในตู้เย็น อย่างต่ำ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
ทาไข่ขาวลงบนกรีบดอกได้ แล้วโรย (ปุ๊กจุ่มลงไปเลยค่ะ) ด้วยน้ำตาลทรายละเอียด แล้ววางพักไว้บนตะแกรง จนแห้ง ประมาณ 4 ชั่วโมง
For white chocolate ganache:
นำครีมและแบะแซใส่ลงในหม้อ แล้ว ต้มจนเดือด นำลงจากเตาเทช็อกโกแลตลงไป คนให้ช็อกโกแลตละลาย แล้ววางลงบนถาดน้ำแข็ง คนเป็นระยะ จนเหนียวข้นขึ้น
เมื่อจะเสิร์ฟ นำเค้กออกจากพิมพ์ แล้ววางลงในถาด เท ganache ลงไป ปล่อยให้ไหลลงด้านข้าง นำเข้าตู้เย็นอีก 30 นาทีเพื่อให้ Ganache อยู่ตัว แล้วโรยด้วยดอกไม้ชุบน้ำตาล
Strawberry Layer Cake: Finally I did it!
โอ้ๆๆๆๆๆๆ พูดได้คำเดียวจริงๆ ค่ะ มันโอ้มาก ๆ งานนี้ไม่มีการให้ขั้นใด ๆ ทั้งสิ้น สวยงามมากค่ะ คอนโดก้อนเนี้ยขายทั้งตึกเลยเท่าไหร่ค้า 555
ReplyDeleteอยากทราบว่า ดอกไม้นั่นทานได้จริงเหรอคะ หรือว่าเวลาทาน ก็หยิบออก อยากทำๆ น่าทานที่ซู้ดเลยค่ะ
ReplyDeleteสวยถูกใจเป็นที่ซู้ดดดดดเลยจ้า
ReplyDeleteเจ้าก้อย - คอนโดนี้ไม่ขายค่ะ ถ้าอยากทานเดี๋ยวทำให้ 555
ReplyDeleteคุณanonymous (ขอตอบแบบนี้นะคะ)
ดอกไม้ ไม่ว่าจะใช้กุหลาบหรือเฟื่องฟ้า (แบบไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) ก็ทานได้ค่ะ แต่ก็ไม่อร่อยนะ เอาออกจะดีกว่าค่ะ
อุ้ม - ขอบใจที่ชมจ้า
ถ้าไม่อยากทานไข่ดิบจะทำย้งไงดีคะ เอาไส้ไปกวนให้ร้อนนิดนึงได้ใหมคะ มันจะยุบรึปล่าว
ReplyDeleteคุณแอร์
ReplyDeleteอืม...ยังไงดีล่ะ ถ้าเอาไปกวนน่าจะไม่ได้ค่ะ
ถ้ายังไงคงต้องใช้สูตรที่เป็นพวกอิตาเลี่ยนเมอแรงค์มากกว่านะคะ เพราะอันนั้นไข่ขาวจะสุกนะคะ
ไว้เดี๋ยวจะลองหามาให้ค่ะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ อยากทำมากแต่พอรู้ว่าเป็นไข่ดิบเหี่ยวไปหน่อย กะว่าถ้าหมดหนทางจริงๆ อาจเอาไปตุ๋นนิดนึง จะได้ให้เด็กๆทานได้ ว่าแต่ว่าอิตาเลียนเมอแรงค์เนี่ยทำยังไงคะ ใช่ที่เอานำ้ตาลมาเคี่ยวแล้วเอามาใส่ไข่ขาวหรือปล่าว ถ้าใช่ยากเหมือนกันนะคะ เพราะเคยทำแล้วนำ้ตาลแข็งติดก้นหม้อแกะไม่ออกเลยต่ะ
ReplyDeleteหน้าตาน่าทานมากครับ
ReplyDeleteลองจินตนาการรสชาดดูจากส่วนผสมต้องออกมาอลังการแน่
ว่าแต่ มีสูตรอันไหนที่เป็นsponge cake บ้างไหมครับ
เห็นมีแต่เนื้อบัตเทอร์กับชิฟฟ่อน
อยากดูsponge cakeโดยเฉพาะแบบไม่ต้องพึ่งสารเสริมคุณภาพ(sp โอวาเล็ต)บ้างน่ะครับ
เพราะที่ทำทานเองหรือที่มีขายเนื้อเค้กก็เหมือนๆกัน : )
...top....
ลองดูสูตรนี้ก็ได้ค่ะ
ReplyDeleteเป็น สปองค์แบบธรรมดาเลยค่ะ
http://dailydeliciousthai.blogspot.com/2009/05/simply-fresh-fruit-rolled-cake-simple.html